“สาทิตย์” ยัน การลงมติถอดถอน ที่ต้องเปิดเผยชื่อของคนที่ลงชื่อถอดถอน เป็นการกระทำที่ขัดหลักการ
Автор: พรรคประชาธิปัตย์ Democrat Party
Загружено: 2022-11-23
Просмотров: 121
Описание:
(23 พ.ย. 65) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... มาตรา 8/1 โดยระบุว่า
เนื่องจากมาตรา 8/1 เป็นมาตราที่คณะกรรมาธิการเพิ่มขึ้นมาใหม่แล้วก็ในการเพิ่มขึ้นมาใหม่เป็นการเพิ่มขึ้นมาแล้วก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของกฎหมายด้วยประเด็นก็คือว่าเดิมทีในมาตรา 8 ร่างกฎหมายฉบับนี้ เขียนเรื่องการถอดถอนผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น โดยใช้วิธีการที่สามารถที่จะใช้แค่การให้ผู้กำกับดูแลสอบสวนแล้วก็สามารถที่จะถอดถอนได้
ซึ่งก็ถูกเพื่อนสมาชิกหลายท่านรวมถึงองค์กรปกครองท้องถิ่นทั้งหลายคัดค้านมาว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นกับผู้บริหารท้องถิ่นนั้นมาจากประชาชนโดยตรง
แต่ครั้นพอถึงเรื่องถอดถอนก็ไปให้อำนาจผู้กำกับดูแลสามารถที่จะสอบสวนแล้วก็ถอดถอนได้ซึ่งน่าจะขัดหลักแต่ทีนี้กรรมาธิการได้นำกลับไปแก้ไขใหม่แล้วก็เอาอำนาจของผู้กำกับดูแลเรื่องของการสอบสวนแล้วถอดถอนออกไปแล้วก็เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญว่าเอาละต่อไปนี้ผู้กำกับดูแลไม่สามารถสอบสวนเพื่อถอดถอนได้แล้ว
แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นวิธีใหม่
ประเด็นที่ตนจะชี้ให้กับท่านประธานกับเพื่อนสมาชิกได้เห็นก็คือว่านี่แหละคือปัญหาของตัวกฎหมายฉบับนี้ ปัญหานี้คือการกลับไปกลับมาของการไปตีความรัฐธรรมนูญแล้วก็ตีความตามใจของผู้ที่ไปออกกฎหมาย
เดิมทีท่านบอกว่าผู้กำกับดูแลสอบสวนได้แล้วถ้าเห็นว่ามีมูลก็ไปถอดถอนได้ด้วยก็โดนตีว่าไปขัดหลักของการที่ประชาชนนั้นมีสิทธิ์ที่แต่งตั้งคือการเลือกตั้งผู้บริหารกับสมาชิกสภาที่สภาท้องถิ่นโดยตรงมาแล้วเป็นการเลือกโดยตรงและลับ แต่พอโดนตีว่าผิดหรือขัดหลักประชาธิปไตยท่านเปลี่ยนใหม่แต่วิธีการที่ท่านเปลี่ยนใหม่มานี่ตนก็ยังเห็นว่าเป็นการขัดหลักอยู่ดี
ท่านเปลี่ยนมาเป็น 8/1 ว่าให้ใช้วิธีการลงชื่อถอดถอนครบตามจำนวนที่กฎหมายฉบับนี้
เขียนไว้ให้ถือว่าที่เลือกตั้งมานั้นเป็นอันถูกถอดถอนทันทีอันนี้จะเป็นปัญหา
ท่านไปเขียนใน 8/1 ว่าวิธีการที่จะไปถอดถอนคือ 8/1 การเชิญชวนผู้มีสิทธิ์เข้าชื่อให้ร่วมเข้าชื่อกันให้ครบจำนวน ตามมาตรา 7 จะทำเป็นหนังสือหรือเชิญชวนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ แต่พอในวรรคที่ 2 ของ 8/1 ที่ท่านเพิ่มท่านบอกว่าการร่วมเขาชื่อต้องมีหลักฐานแสดงเอกสารตามมาตรา 9 วงเล็บ 1 กับวงเล็บ 2 พร้อมทั้งลงลายมือชื่อแล้วก็ส่งไปยังสถานที่ผ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้เชิญชวนกำหนดไว้ในหนังสือเชิญชวนหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามวรรคหนึ่ง
พูดง่าย ๆ ก็คือว่ามีคนเชิญชวนให้ถอดถอนการร่วมเข้าชื่อต้องมีการลงลายมือชื่อพร้อมทั้งแสดงเอกสารหลักฐานไปด้วย ปัญหาที่จะมีปัญหาตามมาก็คือว่าเวลาเราลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นการลงโดยตรงและลับว่าไม่บอกว่าคนนั้นเลือกใครเพราะการบอกว่าเลือกใครจะเป็นการเปิดเผยเจตนาของคนคนนั้นแล้วก็จะทำให้เสียหลักการเรื่องความลับของการลงคะแนนเสียงไป
แต่ครั้นพอถึงตอนถอดถอนกฎหมายฉบับนี้ไปบัญญัติว่าใครจะถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นผู้บริหารท้องถิ่นคือไปถอดถอนเพื่อนต้องเปิดเผยตัวด้วยว่าตนเองเป็นผู้ถอดถอนคนคนนั้น เจตนามันคืออะไรกันแน่
ในทางหนึ่งนี่มันเหมือนกับปิดกั้นด้วยคล้าย ๆ กับว่าถ้าคุณจะถอดถอนคุณต้องเปิดเผยนะเพราะคุณไม่เอาด้วยกับคนนี้แล้วหลักการที่มาตั้งแต่ต้นที่ไปแต่งตั้งเขาโดยการเลือกตั้งเป็นการลงคะแนนเสียงโดยตรงและลับหลักการนั้นหายไปไหน
ถ้าเทียบกับกฎหมายปี 42 ให้ลงคะแนนเสียงถอดถอนผู้บริหารท้องถิ่นก็ต้องไปลงคะแนนเสียงโดยตรงและลับว่าจะถอดถอนเขามันเป็นการรักษาสิทธิ์ของคนคนนั้นว่าเป็นความลับของคนคนนั้นว่าจะถอดถอนหรือไม่
แต่พอคุณเปลี่ยนมาใช้วิธีการนี้กรรมาธิการเปลี่ยนมากลายเป็นไปเปิดเผยนี่คือปัญหาของตัวกฎหมายฉบับนี้ ตนว่ามันขัดหลักที่เป็นมาตั้งแต่ต้นกับ 2 ในวรรค 3 ท่านเขียนว่ากรณีกระทรวงมหาดไทยหรือองค์กรปกครองท้องถิ่นมีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่สามารถยืนยันตัวบุคคลและตรวจสอบความเป็นผู้มีสิทธิ์เข้าชื่อได้
การเข้าชื่อถอดถอนผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศดังกล่าวให้กระทำได้โดยไม่ต้องลงลายมือชื่อ อันนี้เป็นปัญหาต่อมา ในวรรค 2 บอกว่าต้องลงชื่อแต่ถ้ามีระบบบอกว่าไม่ต้องลงลายมือชื่อ คำถามจะเหมือนกับเพื่อนสมาชิกคือมีเหรอระบบแบบนั้นและระบบแบบนั้นเป็นระบบที่ควรใช้หรือไม่เพราะการยืนยันเจตนาต้องลงลายมือชื่อ แต่ถ้าใช้วิธีการลงคะแนนเสียงก่อนถอนผู้ที่จะไปลงคะแนนเสียงต้องไปลงลายมือชื่อก่อนเข้าคูหา พอลงลายมือชื่อก่อนก็คูหายืนยันตัวตนแล้วก็รับบัตรรับบัตรเสร็จแล้วก็ไปกาบัตรว่าตกลงจะถอดถอนคน ๆ นั้นหรือไม่กระบวนการจึงจะครบ
แต่กระบวนการบัญญัติไว้ ตนว่าจะเป็นปัญหาของตัวกฎหมายฉบับนี้ขัดทั้งหลักความเป็นประชาธิปไตย ขัดหลักที่จะปกปิดหรือสงวนสิทธิ์ของผู้ที่แสดงเจตนาเอาไว้และยังเปิดโอกาสเรื่องในวรรค 3 ว่าถ้าเกิดมีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแล้วไม่ต้องลงลายมือชื่อก็ได้ ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาติดตามมาอีกเยอะ
เพราะฉะนั้นมาตรานี้ที่เพิ่มขึ้นมาใหม่นั้นต้องไม่เห็นด้วยเลยต้องมีคำถามท่านกรุณาตอบให้ชัดเจนว่าในวรรคที่ 3 มันมีหรือไม่อย่างไรและสามารถที่จะเอ่อป้องกันเรื่องของการทุจริตได้หรือไม่กับท่านจะตอบเรื่องของการขัดหลักการแสดงเจตนาที่ต้องปกปิดความลับของเขาเอาไว้หรือไม่อย่างไร
#พรรคประชาธิปัตย์ #democratpartyth
Повторяем попытку...
Доступные форматы для скачивания:
Скачать видео
-
Информация по загрузке: