“ดร.พิสิฐ” เสนอแก้พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้มีหน้าที่เข้าชี้แจงสภาเช่นเดียวกับ SMEแบงก์และEximแบงก์
Автор: พรรคประชาธิปัตย์ Democrat Party
Загружено: 2022-02-09
Просмотров: 101
Описание:
9 ก.พ. 2565 ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เสนอร่าง พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่า ตนและเพื่อนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมกันเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยมีรายละเอียดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีหน้าที่ตาม พ.ร.บ. ธปท. พ.ศ. 2485 ในการทำหน้าที่เป็นธนาคารกลางของประเทศ โดยการบริหารจัดการให้ระบบการเงินของประเทศดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจให้เจริญเติบโต เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ธปท. จะมีเสาหลักเรื่องการรักษาเสถียรภาพ 4 เสาหลัก
1. เสถียรภาพของการเงิน ซึ่งคือดูแลปัญหาเงินเฟ้อ
2. เสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน
3. เสถียรภาพของระบบการชำระเงิน
4. เสถียรภาพของเศรษฐกิจกับต่างประเทศ
ธปท. จึงเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบเศรษฐกิจเป็นศูนย์รวมของข้อมูลและความรู้ทางเศรษฐกิจทั้งของไทยและต่างประเทศ เป็นตัวแทนของประเทศไทยในกองทุนการเงินระหว่างประเทศ มีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในการดำเนินนโยบายด้านการเงินต่างๆ และมีวัฒนธรรมขององค์กรที่ยึดถือความเป็นกลาง ความเป็นอิสระในการดำเนินการจากรัฐบาล ซึ่งก็ได้รับการรับรองในกฎหมายของ ธปท. มาตรา 7 และมาตรา 28/16
วิกฤติโควิดครั้งนี้ ธปท. ก็มีบทบาทในการช่วยเหลือเศรษฐกิจและประชาชน โดยการออกมาตรการต่างๆ เช่น การออกมาตรการช่วยเหลือ SMEs ในการได้รับซอฟต์โลน จำนวน 5 แสนล้านบาท การตั้งกองทุนพยุงหุ้นกู้ จำนวน 4 แสนล้านบาท การศึกษาติดตามปัญหาหนี้สินครัวเรือน ซึ่งมีจำนวนสูงถึง 90% ของจีดีพี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาความทุกข์ยากเกี่ยวกับหนี้สิน ด้วยการตั้งคลีนิคชำระหนี้เป็นต้น งานของ ธปท. จึงมีความสำคัญต่อประชาชน และต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเฉพาะในยุคหลังโควิด
ดังนั้นเพื่อให้ได้เห็นความสำคัญของ ธปท. ดร.พิสิฐ จึงได้ยกตัวอย่างตัวเลขงบดุลของ ธปท. ว่า มียอดสูงกว่า 7 ล้านล้านบาท หรือเกือบครึ่งหนึ่งของจีดีพี มากกว่าสองเท่าของวงเงินงบประมาณแผ่นดินประจำปี เมื่อเทียบกับงบของธนาคารของรัฐ 2 แห่งที่มารายงานต่อสภา เช่น ธนาคารเอกซิมแบงก์ และธนาคารเอสเอ็มอี ซึ่งมีฐานะของงบดุลเพียง 1 แสนล้านบาทเศษ เท่ากับ ธปท. มีวงเงินงบดุลสูงกว่าธนาคารดังกล่าวถึง 70 เท่าตัว ขณะที่ธนาคารของรัฐ 2 แห่งดังกล่าวมีหน้าที่ต้องมารายงานต่อสภา เนื่องจากกฎหมายที่ออกมาใหม่ในช่วงหลัง แต่ ธปท. ยังไม่มีหน้าที่ต้องรายงาน เพราะกฎหมายตราขึ้นตั้งแต่ปี 2485
ดังนั้นจึงขอเสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 ให้มีความทันสมัย โดยขอให้มีการมารายงานต่อรัฐสภาเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจ การเงิน และการดำเนินงานของ ธปท. เพื่อให้รัฐสภาได้รับทราบ และเพื่อให้มีความยึดโยงการทำงานระหว่างธปท. กับประชาชน ทั้งนี้การให้มารายงานดังกล่าวไม่ได้ถือเป็นการแทรกแซงการทำงานของ ธปท. แต่ประการใด แต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ปกติที่ธนาคารกลางสำคัญในโลกได้กระทำเช่น ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นธนาคารกลางที่เป็นตัวอย่าง และเป็นอิสระ ก็ชี้แจงต่อรัฐสภา
ทั้งนี้ ดร.พิสิฐ ได้สรุปในตอนท้ายว่า การเสนอกฎหมายดังกล่าวเป็นการเสนอเพื่อให้มีการแก้กฎหมายเพื่อให้ ธปท. ได้มารายงาน และให้ข้อมูลทางการเงิน และเศรษฐกิจให้มีการเผยแพร่อย่างทั่วถึง เป็นการตัดปัญหาข่าวลืออันเกิดจากความไม่เข้าใจในระบบสถาบันการเงิน ดังเคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงวิกฤติปี 40 จนทำให้ระบบสถาบันการเงินมีความไม่มั่นคง การเสนอแก้ไขดังกล่าว เป็นการเสนอแก้ไขมาตรา 61ให้เพิ่มเป็นมาตรา61/1เพื่อให้ ธปท. มีหน้าที่มารายงานต่อสภาเพื่อทราบ
“เวลานี้ ธปท. มีบทบาทในการแก้ไขระบบการเงิน โดยจะมีการปฏิรูประบบการเงินครั้งใหญ่ ซึ่งมีผู้รับรู้มีเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่ติดตามข่าว ธปท. อย่างใกล้ชิด แต่สภาไม่มีโอกาสได้รับทราบ หรือแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ว่าฯ ธปท. ซึ่งจะทำให้ประชาชนทั้งประเทศไม่มีโอกาสได้รับทราบ อีกทั้งในระยะหลัง ธปท. มีบทบาทเข้าช่วยเหลือประชาชนในการไกล่เกลี่ยหนี้ ดังนั้นจึงสมควรที่จะให้ ธปท. ได้มีหน้าที่ในการนำเสนอสภาต่อไป” ดร.พิสิฐกล่าว
และจากการที่มีความเป็นห่วงว่าร่างดังกล่าวอาจกระทบต่อความเป็นอิสระ หรืออาจทำให้เกิดการแทรกแซงการทำงานของ ธปท. นั้น ตนยืนยันว่าการให้ ธปท. เข้ามาให้ข้อมูลกับสภา สภาก็จะมีการแลกเปลี่ยนความเห็นกับธนาคารและจะทำให้ธนาคารได้รับข้อมูลกลับไปทำงานต่อไปได้ ซึ่งการทำงานของ ธปท. และผู้ว่าการ ได้รับการรับรองในกฎหมายของธนาคารอยู่แล้วว่า จะมีความเป็นอิสระ ไม่มีโอกาสที่จะให้ฝ่ายใดเข้าไปแทรกแซง ถือเป็นประเพณีปฏิบัติของธนาคารกลางทั่วโลก
“ผมในฐานะอดีตนักเรียนทุนของ ธปท. และมีความรู้สึกผูกพันกับสถาบันแห่งนี้เป็นอย่างมาก ขอยืนยันว่าผมจะไม่ยอมอย่างเด็ดขาดที่จะทำให้ฐานะของ ธปท. ด้อยลงไปจากการเข้ามาชี้แจง รัฐสภา ผมเชื่อว่าการที่ ธปท. มาให้ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการทำงานของสภา จะเป็นการทำงานที่เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายที่เป็นตัวแทนของประชาชนในรัฐสภาจะได้รับข้อมูลทางเศรษฐกิจไปอย่างทั่วถึง แม้ทุกวันนี้ ธปท. จะเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อ หรือเวปไซต์ แต่ก็เชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นไปไม่ถึงประชาชน หากมาชี้แจงในสภา ซึ่งมีตัวแทนประชาชนทั่วทุกจังหวัด ผู้แทนก็สามารถนำไปพูดคุยกับประชาชนได้ ขณะเดียวกันข้อมูลจากประชาชนก็สามารถกลับเข้ามาให้ธนาคารได้รับทราบ” ดร.พิสิฐ กล่าว
ดังนั้นสิ่งเหล่านี้หากได้มีการแลกเปลี่ยนพูดจากันในสภาก็จะเกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ยังได้ยืนยันว่า ความเป็นอิสระ และความเป็นกลางของธนาคารจะเพิ่มมากขึ้นจากการเปิดเผยข้อมูล และจากความโปร่งใสในการทำงานลักษณะนี้
#DemocratPartyTH #พรรคประชาธิปัตย์
Повторяем попытку...
Доступные форматы для скачивания:
Скачать видео
-
Информация по загрузке: