สกัดข้อครหา ‘บิดเบือนค่าเงิน’: ธปท.-สหรัฐ ออกแถลงการร่วม หวั่นทุนสำรองสูง ‘ถูกจับตาหนัก‘
Автор: เนย เนย
Загружено: 2025-10-29
Просмотров: 0
Описание:
ท่ามกลังความผันผวนของค่าเงินในตลาดโลก ความร่วมมือด้านเสถียรภาพการเงินระหว่างประเทศกลับได้รับความสนใจมากขึ้น ล่าสุดกระทรวงการคลังสหรัฐ (U.S. Department of the Treasury) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกแถลงการณ์ร่วมยืนยันเดินหน้าความร่วมมือด้านเศรษฐกิจมหภาคและอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินนโยบายภายใต้กรอบของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) โดยทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นว่าจะไม่เข้าไปบิดเบือนค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดโลก
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ธปท.เปิดเผยว่า ทางการสหรัฐได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้ามาระยะหนึ่งแล้ว และได้มีการประเมินผ่านเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น ดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลการค้ากับสหรัฐฯ มาอย่างต่อเนื่อง โดยไทยเคยถูกจัดอยู่ใน monitoring list ในช่วงปี 2020-2021
ดังนั้น จึงได้ใช้โอกาสที่มีการเจรจาการค้าในการให้ทั้ง 2 ประเทศเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะไม่ใช้อัตราแลกเปลี่ยนในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ผ่านการออก statement สู่สาธารณะ (เช่นเดียวกับที่ ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ ได้ออกมาก่อนหน้านี้)
จากเดิมที่เป็นการหารือทวิภาคีเป็นการภายในระหว่างกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กับธนาคารกลางหรือกระทรวงการคลังของประเทศคู่ค้า โดย ธปท.ยังสามารถดำเนินนโยบายเพื่อวัตถุประสงค์ในการดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนได้เช่นเดิม
ดร.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า กรณีที่กระทรวงการคลังสหรัฐจะออกรายงานชื่อ “Macro and Foreign Exchange Policy” เพื่อติดตามพฤติกรรมด้านอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าสำคัญ และประเมินว่าประเทศใดอาจมีพฤติกรรม “บิดเบือนค่าเงิน” เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า
โดยสหรัฐใช้เกณฑ์ 3 ข้อในการประเมิน โดยประเทศไทยถือว่ายังไม่ถูกจัดว่าอยู่ในประเทศที่บิดเบือนค่าเงินบาทเพื่อให้ได้เปรียบทางการค้าหรือการแข่งขันในตลาดโลก
1.การเข้าแทรกแซงตลาดเงิน (FX Intervention) โดยต้องเป็นการซื้ออัตราแลกเปลี่ยนสุทธิต่อเนื่องในรอบ 8 เดือนจาก 12 เดือน โดยข้อนี้จากรายงานเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา มีเพียงสิงคโปร์และสวิตเซอร์แลนด์ที่เข้าข่ายเงื่อนไขนี้ โดยสิงคโปร์ถูกระบุว่ามีการซื้อเงินตราต่างประเทศต่อเนื่องถึง 8 เดือนในช่วงปีที่ผ่านมา
2.การเกินดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account Surplus) หากประเทศใดมีเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเกินกว่า 3% ของ GDP จะถูกพิจารณาเข้าเกณฑ์ข้อนี้ ซึ่งหลายประเทศในเอเชียยังคงมีเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูง แต่ประเทศไทย “ไม่ติดเงื่อนไขนี้” เพราะดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยอยู่ในระดับที่สมดุลมากขึ้น
3.การเกินดุลการค้าและบริการกับสหรัฐฯ (Trade Surplus with the US) หากมูลค่าการเกินดุลการค้าและบริการกับสหรัฐเกินกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ จะถือว่าเข้าเกณฑ์ ซึ่งข้อนี้ “ประเทศไทยเข้าเงื่อนไขข้อนี้” โดยในรอบ 4 ไตรมาสล่าสุด ไทยมีการเกินดุลการค้าและบริการกับสหรัฐ ประมาณ 45,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตามในอดีตไทยเคยอยู่ใน Monitoring List หรือรายชื่อประเทศที่สหรัฐ จับตาอย่างใกล้ชิด แต่ในปัจจุบันประเทศไทยไม่อยู่ในลิสต์ดังกล่าว และไม่เคยถูกระบุว่าเป็นประเทศที่บิดเบือนค่าเงินเนื่องจากไม่เข้าเกณฑ์ครบทั้ง 3 ข้อ
รวมทั้งหากดูจากรายงานสหรัฐในเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา พบว่า ไม่มีประเทศใดถูกระบุว่า “บิดเบือนค่าเงิน” มีเพียง 2 ประเทศที่ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด คือ สิงคโปร์และสวิตเซอร์แลนด์ โดยประเทศไทยเข้าเงื่อนไขเพียงข้อเดียว คือ การเกินดุลการค้าและบริการกับสหรัฐ
นอกจากนี้ การที่ไทยไม่อยู่ในลิสต์และไม่ถูกกล่าวหาว่าบิดเบือนค่าเงิน สะท้อนถึงความโปร่งใสในการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของไทยที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลตามบทบาทของ ธปท.ที่ดำเนินการมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดย ธปท.มีบทบาทในการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาท
ทั้งนี้ การเข้าดูแลในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนจะทำเฉพาะเมื่อมีความผันผวนสูงเพื่อรักษาความเรียบร้อยของตลาด ไม่ได้หวังเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า ดังนั้นการแทรกแซงที่เกิดขึ้นบางช่วงจึงเป็นไปตามหลักการของธนาคารกลางทั่วโลก
Повторяем попытку...
Доступные форматы для скачивания:
Скачать видео
-
Информация по загрузке: