ใช้ที่ดินเป็นทางผ่าน 10 ปี ไม่ได้สิทธิ์จริงหรือ?
Автор: ทนายความวิชาชีพ
Загружено: 2025-06-05
Просмотров: 824
Описание:
คำพิพากษาฎีกาที่ 1563/2550
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1382, 1401
การได้ภาระจำยอมโดยอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1401 ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความได้สิทธิดังกล่าวไว้ในลักษณะ 3 แห่งบรรพ 4 มาใช้บังคับโดยอนุโลมกล่าวคือจะต้องเป็นกรณีที่เจ้าของสามยทรัพย์ได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินภารยทรัพย์นั้นโดยความสงบและโดยเปิดเผยและด้วยเจตนาจะได้สิทธิภาระจำยอมในที่ดินดังกล่าวตาม ป.พ.พ. มาตรา 1401 ประกอบด้วยมาตรา 1382 แต่การอยู่ร่วมกันของคนในชนบทตามปกติแล้วจะใช้ที่ดินข้างเคียงเป็นทางผ่านได้โดยถือวิสาสะ อันเป็นการเอื้อเฟื้ออาทรต่อกันของคนในสังคม การใช้ทางพิพาทของโจทก์ก็เข้าอยู่ในลักษณะเช่นว่านี้ กรณีจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทในลักษณะปรปักษ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 แม้โจทก์จะใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยนานกว่า 10 ปี ทางพิพาทก็ไม่ตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินโจทก์โดยอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1401
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 11305 ตำบลบ้านพริก อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก โดยซื้อมาตั้งแต่ปี 2513 ส่วนจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 5414 ตำบลบ้านพริก อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก โดยซื้อมาตั้งแต่ปี 2534 ที่ดินของโจทก์และที่ดินของจำเลยอยู่ติดต่อกัน โจทก์ใช้ทางพิพาทซึ่งเป็นคันนาแบ่งเขตที่ดินของจำเลยกับที่ดินของนายทองคำ ธรรมปัญญา เป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะตลอดมา ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า ทางพิพาทตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินโจทก์โดยอายุความหรือไม่ โจทก์และจำเลยนำสืบรับกันว่า ตามปกติประเพณีของท้องถิ่นสามารถใช้คันนาเป็นทางเดินได้ทั่วถึงกันโดยไม่มีการหวงห้าม เห็นว่า การได้ภาระจำยอมโดยอายุความนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความได้สิทธิดังกล่าวไว้ในลักษณะ 3 แห่งบรรพ 4 มาใช้บังคับโดยอนุโลม กล่าวคือจะต้องเป็นกรณีที่เจ้าของสามยทรัพย์ได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินภารยทรัพย์นั้นโดยความสงบและโดยเปิดเผย และด้วยเจตนาจะได้สิทธิภาระจำยอมในที่ดินดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 ประกอบด้วยมาตรา 1382 แต่จากข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยนำสืบรับกันดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การอยู่ร่วมกันของคนในชนบทตามปกติแล้วจะใช้ที่ดินข้างเคียงเป็นทางผ่านได้โดยถือวิสาสะ อันเป็นการเอื้อเฟื้ออาทรต่อกันของคนในสังคม การใช้ทางพิพาทของโจทก์ก็เข้าอยู่ในลักษณะเช่นว่านี้ กรณีจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทในลักษณะปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แม้โจทก์จะใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยนานกว่า 10 ปี ทางพิพาทก็ไม่ตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินโจทก์โดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องจึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
หมายเหตุท้ายคำพิพากษาฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่หมายเหตุนี้ ตัดสินแตกต่างไปจากคำพิพากษาศาลฎีกาเดิม เช่น คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2485 คันนาซึ่งผู้อื่นเดินผ่านมานานกว่า 10 ปี ย่อมเกิดภาระจำยอม เมื่อคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แตกต่างกัน ย่อมมีคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับหนึ่งถูกต้องด้วยหลักกฎหมายและความเป็นธรรม อีกฉบับหนึ่งย่อมคลาดเคลื่อนไป จึงต้องค้นหาเหตุผลว่าคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับใดถูกต้อง ที่ดินในประเทศไทยส่วนใหญ่จะไม่ติดทางสาธารณะ ในการเดินทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะจึงจำเป็นต้องอาศัยที่ดินของบุคคลอื่นเช่นเดียวกับชาวนา ในการเดินเข้าออกที่นาจะเดินไปตามคันนาซึ่งอยู่ในที่ดินของบุคคลอื่นเป็นการดำเนินวิถีชีวิตของบุคคลในท้องถิ่นและของชาวนาไทย ถือเป็นจารีตประเพณีดีงามอย่างหนึ่งของคนไทย การที่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ซึ่งเป็นชาวนาใช้คันนาเป็นทางเดินแม้จะไม่มีคนหวงห้ามและใช้นานเพียงใดก็ไม่ได้ภาระจำยอมโดยอายุความ ย่อมทำให้เกิดปัญหาในการดำรงชีวิตตามวิถีชาวนาและประเพณีท้องถิ่น การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินขุดคันนาออกไปครึ่งหนึ่งซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ในโฉนดที่ดินของตนถ้าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ หากเจ้าของคันนาอีกฝั่งหนึ่งก็มีการขุดเช่นกัน โจทก์จะเดินไปทำนาอย่างไร เช่น ที่ดินที่โจทก์เดินผ่านทำนามาตลอดชีวิตถูกขายให้สร้างโรงงานหรือบ้านจัดสรรทำให้โจทก์ไม่สามารถเข้าออกทำนาได้ ผลที่ตามมาก็คือโจทก์ต้องยอมขายที่นาในราคาถูก ๆ ให้แก่นายทุน หรือไม่ก็เลิกทำนาไปประกอบอาชีพอื่นปล่อยที่นาให้เป็นที่รกร้างไป ดังนั้น หากวินิจฉัยตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับที่หมายเหตุ จะทำให้วิถีชีวิตของชาวนาเปลี่ยนไป จะถูกกระทบกระเทือนในการประกอบอาชีพ จึงไม่น่าจะชอบ นอกจากจะมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2485 แล้วยังมีคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับอื่นที่น่าสนใจอีก เช่น คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2479 เจ้าของหัวคันนาปล่อยให้ผู้ทำนาใช้หัวคันนาเป็นประโยชน์ในการทำนามาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว หัวคันนาย่อมตกอยู่ในภาระจำยอมตาม มาตรา 1387 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2505 ผู้ที่ได้ทางภาระจำยอมโดยอายุความแล้วนั้น ย่อมมีสิทธิขุดโค่นหัวคันนาซึ่งอยู่ในเส้นทางอันเป็นภาระจำยอมนั้นได้เท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอมนั้น โดยไม่จำเป็นต้องให้มีคำพิพากษาว่าที่ดินนั้นตกเป็นภาระจำยอมเสียก่อน ผู้หมายเหตุ จึงเห็นด้วยความเคารพว่า คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2485 น่าจะวินิจฉัยถูกหลักกฎหมายและเป็นธรรม อันสอดคล้องกับขนบธรรมเนียมประเพณีและวิถีชีวิตของชาวนาไทย ศิริชัย วัฒนโยธิน
---------------------------------------------------------------
ติดต่อ : รณชัย เนตรอัมพร
อีเมล : [email protected]
*** ยินดีรับเป็นที่ปรึกษาทนายความน้องใหม่
*** รับเป็นที่ปรึกษาสำนักงานทนายความ ในการวางรูปคดี
*** รับว่าความทั่วราชอาณาจักร
----- สำนักงานกฎหมาย รณรพี 66/15 ชั้น 2 Mini Big C หมู่บ้านพระปิ่น 3 ถนนกาญจนาภิเษก
ตำบลบางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี 11140
----- Mobile : 081-636-7935
----- Line ID : 0816367935
Повторяем попытку...
Доступные форматы для скачивания:
Скачать видео
-
Информация по загрузке: