“ชัยชนะ” ย้อนถาม จะเป็นนายกฯ คนที่ 30 แค่เริ่มต้นก็จะทำสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย

Описание: “ชัยชนะ” ย้อนถาม จะเป็นนายกฯ คนที่ 30 เพื่อนำพาประเทศไปทิศทางไหน แค่เริ่มต้นก็จะทำสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย

(13 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ระบุว่า

ตนเป็นตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ ในการอภิปรายเหตุและผล ในการโหวตหรือไม่โหวตสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30

พรรคประชาธิปัตย์ของเรามีจุดยืนทางการเมืองอย่างชัดเจน และเป็นจุดยืนที่เรายืนหลักการนี้มาโดยตลอดระยะเวลา 77 ปีที่ตั้งพรรคการเมืองมา โดยเฉพาะเรามีอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ 10 ข้อ 1 ในนั้นมีข้อ 3 ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า พรรคจะดำเนินพรรคการเมืองโดยอาศัยหลักกฎหมายและเหตุผลความศักดิ์สิทธิ์แห่งรัฐธรรมนูญ และเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่อนุชนรุ่นหลังให้มีความนับถือและนิยมในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

อุดมการณ์ของเรายึดหลักการอย่างนี้เพราะตลอดระยะเวลาหลังจากมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งและใครมีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาลเราแสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่ผลักดันให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาอย่างเด็ดขาด เพราะประเทศนี้มีความเป็นมา มีประวัติศาสตร์เคยทราบหรือไม่ว่า กว่าจะเป็นประเทศสยามได้ กว่าจะเป็นไทยได้ เราต้องผ่านมาอย่างไรการที่นำเสนอที่จะแก้มาตรา 112 มีจุดประสงค์มุ่งหวังอย่างไร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีออกรายการเรื่องเล่าเช้านี้เมื่อวานก็ประกาศอย่างชัดเจนว่ามีความจงรักภักดีต่อชาติสถาบัน พระมหากษัตริย์แต่สมาชิกบางท่านที่ท่านสังกัดอยู่กลับออกมาประกาศเปลี่ยนวันชาติ อีกทั้งสมาชิกพรรคการเมืองที่ท่านสังกัดอยู่กลับผลักดันเดินหน้าแก้ไขมาตรา 112 อย่างเคร่งครัด

วันนี้ประเทศไทยเจอวิกฤตเรื่องนี้หรือเจอวิกฤตเรื่องอะไร เคยคิดทบทวนหรือไม่ว่าถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรีสิ่งแรกที่ต้องแก้ไขปัญหากับประเทศชาตินี้คือเรื่องอะไร เคยทราบไหมว่าวันนี้พี่น้องประชาชนต้องเจอค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทราบไหมว่าปัญหายาเสพติดเพิ่มขึ้นแรงขึ้นทุกวัน ไม่คิดแก้ไขอย่างนี้หรือ

คิดจะไปลดทอนกฎหมายกับบุคคลที่ไม่มีความจงรักภักดีต่อชาติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างนั้นหรือ
นี่หรือคนที่จะประกาศบอกว่าจะก้าวสู่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ไม่ใช่หรอก อยู่ดีคืนนี้ก็มีคนในพรรคของท่านก็จะมา บอกว่าจะสนับสนุนให้มีการแบ่งแยกดินแดน

การเดินทางการเมือง ณ วันนี้พยายามบอกว่าท่านได้รับฉันทามติจากประชาชนเป็นเสียงข้างมากเสียงข้างมากของประชาชน 67 ล้านคนนั่นคือ 40 ล้านเสียงถ้าเอาที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 3-7 ล้านเสียงถ้าเสียงข้างมากต้องได้ประมาณ 19 ล้านเสียง แต่วันนี้ท่านเหมารวมทั้งหมดว่าท่านได้รับฉันทามติจากพี่น้องประชาชนมาแล้วไม่ใช่หรอก

ถ้าบอกว่าการเมืองไทยต้องเลือกพรรคการเมืองที่ได้คะแนนมาที่ 1 จากประชาชนทุกพรรคการเมืองต้องโหวตให้ไม่ได้หรอก การที่จะโหวตเลือกตั้งใครเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นสิทธิเสรีภาพของสมาชิกสภาแห่งนี้ บางครั้งท่านไปคุกคามทางสื่อโซเชียลเรียกร้องไงคนนู้นคนนั้นต้องโหวตเรียกร้องให้พรรคการเมืองนั้นต้องโหวตให้ท่านท่านเรียกร้องประชาธิปไตยมากนักหนาแต่ท่านไม่ยอมรับความเห็นต่างของพรรคการเมืองอื่นหรือกลุ่มการเมืองที่เห็นต่างกันเลยแล้ววันนี้ท่านจะบอกว่าจะเปลี่ยนแปลงประเทศ ท่านใช้สโลแกนจะเดินหน้าประเทศไทยเปลี่ยนประเทศนี้เปลี่ยนไปทิศทางไหนเริ่มต้นท่านก็เดินหน้าแก้ไขมาตรา 112 แล้ว

ส่วนตัวผมแอบดีใจวันที่ท่านเซ็น MOU กับ 8 พรรคการเมือง ท่านไม่มีเรื่องนี้อยู่ใน MOU นั้นแต่ท่านบอกว่าถ้าพรรคการเมืองที่ท่านสังกัดอยู่จะยื่นแก้ไขเรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมืองเป็นเรื่องของสภาไม่ได้ ท่านอย่าโยนปัญหานี้อย่าบ่ายเบี่ยงจุดยืนนี้ของพรรคท่าน

สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมและพรรคประชาธิปัตย์เรากังวลมาโดยตลอด พรรคประชาธิปัตย์เราเดินทางมาวันนี้เข้าสู่ที่ปี 78 เรายึดหลักระบบประชาธิปไตยมาโดยตลอดเรามีเอกภาพในการตัดสินใจมาโดยตลอดเพราะฉะนั้นการที่เราได้รับฟังเหตุผลก่อนหน้านี้ตลอดระยะเวลาก่อนมาถึงวันนี้เราทราบดีว่าท่านมีจุดยืนอย่างไรเราทราบดีนโยบายที่มีเป็นร้อยข้อ บางข้อก็ดี แต่เราไม่สามารถสนับสนุน คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ได้ เพราะท่านมีจุดยืนที่ต่างจากเราคือเรื่องการแก้ไขมาตรา 112

พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนเรื่องความรักชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้นผมและเพื่อนสมาชิกในนามพรรคประชาธิปัตย์ ขอประกาศ ณ สภาแห่งนี้ว่า ใครก็ตามที่คิดจะแก้ไขมาตรา 112
ซึ่งท่านทำมาแล้วตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมา และยังคิดจะทำอีก ดังนั้นใครก็ตามที่คิดจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 25 ท่าน จะออกไปต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์แห่งนี้ไว้ให้ถึงที่สุด