เที่ยวอิสราเอล Israelมีอะไรดี ?( 3-7) ซีรี่ย์คลิปยาว 7 ตอนโปรดติดตามชมครับ

Описание: หลังรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จเรียบร้อย ก็ย้อนกลับเข้าเมืองเยรูซาเล็มกันอีกครั้ง แวะรับไกด์ท้องถิ่นที่ใกล้ๆ บ้านของเขาแถบ City of David อยู่ทางเยรูซาเล็มตะวันออก เห็นว่ากำลังมีการขุดแหล่งโบราณคดีกันอยู่ ท่ามกลางการจราจรอันขวักไขว่ เสียงแตรบีบใส่กันอย่างดุเดือด
วันนี้ตอนเช้า เราไปเยี่ยมชม "เนินพระวิหาร" Temple Mount" เป็นที่ตั้งของ"มัสยิดอัลอักศอ" (Dome of The Tock) ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยมุสลิมเรืองอำนาจในเยรูซาเล็ม เป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาสนาอิสลาม โดยเนินพระวิหารแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิวมาก่อน (วิหารที่ 1 สร้างโดยกษัตริย์โซโลมอน ถูกทำลายโดยบาบิโลน ) วิหารที่ 2 เป็นการฟื้นฟูวิหารที่ 1 บนที่ตั้งเดิม หลังจากที่ชาวยิวถูกกวาดต้อนกลับมาจากบาบิโลน เรียกกันว่า Herod's Temple ถูกทำลายโดยโรมันหลายร้อยปี ก่อนที่มุสลิมจะเข้ามายึดได้
ปัจจุบันเป็นมัสยิดที่มีความสำคัญเป็นลำดับที่ 3 ของมุสลิม เชื่อกันว่าเป็นจุดที่นบีมูฮัมมัดขึ้นไปเยี่ยมชมสวรรค์ การเข้าเยี่ยมชมทำได้แต่เพียงภายนอก ไม่สามารถเข้าเยี่ยมชมภายในได้ สงวนไว้ให้ผู้นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น ต้องเยี่ยมชมแต่เช้า ก่อนเวลาละหมาดกลางวัน
จากลานมัสยิด เราเดินออกประตู Cotton Gate ซึ่งในสมัยโบราณเป็นประตูที่ใช้ค้าขายฝ้ายจากอียิปต์ ปัจจุบันเป็นตลาดเล็กๆ รองรับนักท่องเที่ยว มีร้านกาแฟ ร้านขนม เดินผ่านตลาด ผ่านการตรวจความปลอดภัยแบบสนามบิน เข้าไปยัง The Western Wall หรือ The Wailing Wall (กำแพงร้องไห้ ) เป็นสิ่งก่อสร้างสิ่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่จากการทำลายวิหารที่ 2 ด้านนอกจะเห็นชาวยิวมาเฉลิมฉลองพิธีบาร์ มิตซวาห์ (Bar Mitzvah) คือ เด็กชายยิว เมื่ออายุ 13 ปี จะต้องเข้าพิธีเพื่อแสดงว่าพวกเขาได้ก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่หลังจากที่ผ่านพ้นอายุ 13 ปีไปแล้ว
ส่วนด้านในจะเป็นที่ที่ชาวยิวมาอธิษฐาน สวดมนต์ขอพรจากพระเจ้า บ้างก็มีร้องไห้คร่ำครวญรำลึกถึงวิหารที่ได้ถูกทำลายไป และการพลัดพรากจากบ้านจากเมือง บางคนก็จะเขียนคำอธิษฐานใส่กระดาษ เสียบไว้ตามกำแพง แรบไบก็จะจัดการเก็บกระดาษออกมาเผาปีละ 2 ครั้ง
วันนี้มีเด็กๆ มาร้องเพลงกันที่หน้าทางเข้ากำแพง น่ารักมาก เพื่อเฉลิมฉลองเทศการปูริม เป็นการระลึกเหตุการณ์สมัยพระราชาอาหสุเอรัสแห่งเปอร์เชียร์ เมื่อพระราชินีเอสเธอร์และโมรเดคัยลูกพี่ลูกน้องของเธอช่วยคนยิวให้รอดพ้นจากการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากศัตรูตัวร้าย คือ ฮามาน
การอธิษฐานสวดมนต์อ้อนวอนหน้ากำแพงก็จะแยกเป็นฝั่งชายและฝั่งหญิง เช่นเดียวกันกับการอธิษฐานในธรรมศาลา
ออกจากกำแพงร้องไห้ ก็เดินย้อนกลับไปที่ตลาด หากาแฟดื่ม เป็นร้านที่อยู่ใต้กำแพง เหมือนกินกาแฟในถ้ำ เจอคุณลุงเป็นคนอิสราเอลที่มีความภาคภูมิใจในชาติมาก มาคุยด้วย เล่าโน่นอวดนี่ให้ฟัง แถมร้องเพลงให้ฟังด้วย สั่งกาแฟแล้วเดินไปซื้อขนมให้แฝด มีสาวๆ เลิกเรียนออกมามุงแผงขายขนมพอดี เลยถามว่าอันไหนอร่อย สาวๆ ชี้กันใหญ่ แม่เลยได้มาถุงเบ้อเริ่ม
หลังอาหารกลางวัน ก็เดินทางกลับมาที่เบธเลเฮมเพื่อไปเยี่ยมชม โบสถ์พระคริสต์สมภพ The Church of Nativity สถานที่เชื่อกันว่าเป็นที่ประสูติพระเยซู เรามาถึงมีคิวไม่ยาวนัก แต่บาทหลวงอนุญาตให้เข้าได้อีก 3 คนเท่านั้น ต้องไปเลือกมาว่าสถานที่แห่งนี้มีความหมายกับใครมากที่สุด เพราะว่ากำลังจะมีพิธีสวดของโบสถ์
ทางกลุ่มก็บอกว่า ทุกคนก็อยากเข้าชมเหมือนกัน "เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
ทางไกด์ก็เลยให้เราเดินชมโบสถ์ในส่วนที่เป็นของคาธอลิกไปก่อน ชมนั่นชมนี่ก่อน (ชมโบสถ์ ชมระบบถ้ำในสมัยโบราณ ที่ใช้เป็นที่พักคนเดินทาง และใช้เลี้ยงสัตว์ ซึ่งปัจจุบันสร้างโบสถ์ขึ้นมาทับถ้ำเหล่านั้นไว้) เพื่อหาจังหวะเหมาะๆ แล้วในที่สุดเราก็ได้เข้าไปตรงเบื้องหน้าที่เคยเป็นที่ประสูติของพระเยซู ได้ใช้เวลากันอย่างเต็มที่กันทุกคน
ข้อดีของการเดินทางท่องเที่ยวช่วงโควิด ก็คือนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญมีจำนวนน้อย ทำให้จะเดิน จะเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ไม่ต้องเบียด ไม่ต้องแย่งชิงกับใครมาก มีเวลาได้ดื่มด่ำบรรยากาศ
โดยเฉพาะที่นี่ ซึ่งในเวลาปกติ คนที่เคยมาบอกว่า มีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่จะได้มอง และถ่ายรูป คิวรอยาวเป็นกิโลๆ รอกันไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง ต่อจากนั้นคือ เข้าไปเยี่ยมชมค่ายผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในเมืองเบธเลเฮ็ม โดยมีตัวแทนจากผู้ลี้ภัยพานำชมความเป็นมา และชีวิตความเป็นอยู่
#เที่ยวอิสราเอล #Israelมีอะไร?