พระแท่นดงรังสำคัญอย่างไร.?ทำไม.?กษัตริย์หลายพระองค์ต้องมานมัสการ พระพุทธเจ้าเสด็จมาที่นี่จริงหรือ.?
Автор: เรื่องเล่าจากบันทึก
Загружено: 2023-11-13
Просмотров: 20980
Описание:
#พระแท่นดงรัง สำคัญอย่างไร..? ทำไมกษัตริย์หลายพระองค์ต้องมานมัสการที่นี่
พระแท่นดงรังวรวิหาร
#วัดพระแท่นดงรัง หมู่ 10 ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71130 รายละเอียด
สถานที่แห่งนี้เป็นวัด โบราณซึ่งมีแท่นหินขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านเชื่อกันว่า เป็น#พระแท่นศักดิ์สิทธิ์ ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานที่นี่ ในบริเวณวัดยังมี#โบราณสถาน ที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ เช่น บ่อบ้วนพระโอษฐ์ วิหารพระอานนท์ฯลฯ และ ยังมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน เป็นต้น
ลักษณะเด่น
ตั้งอยู่ในป่าดงทึบของรังไม้ที่เทือกเขา2หย่อมเรียกว่าพระแท่นดงรัง พบในสมัยกรุงศรีอยุธยา ประดิษฐาน #รอยพระพุทธบาทจำลอง
ประวัติ
ตามตำนาน อันเป็นคติที่เชื่อกันว่า #พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปยังแว่นแคว้นต่าง ๆ ภายนอกประเทศอินเดีย
ด้วยอำนาจฌานสมาบัติ และได้ประดิษฐานเจดีย์หรือ #ตรัสพยากรณ์ เรื่องราวต่าง ๆ ไว้ในแว่นแคว้นเหล่านั้น จึงเกิดมีเจดีย์วัตถุและพุทธพยากรณ์ที่อ้างว่า พระพุทธองค์ได้ทรงประดิษฐานเจดีย์วัตถุไว้
ในประเทศไทยมีตำนานเกี่ยวกับการประทับรอยพระพุทธบาท และการสร้างพระธาตุเจดีย์อยู่เป็นจำนวนไม่น้อย รวมทั้งพระแท่นและพระพุทธฉาย สำหรับพระแท่น ที่มีอยู่ในพงศาวดารคือ พระแท่นศิลาอาสน์ มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัย แต่พระแท่นดงรัง ไม่ได้มีกล่าวไว้ในพงศาวดาร จึงสันนิษฐานว่า อาจจะเกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
ความอัศจรรย์ของพระแท่นดงรังนั้นผิดกับเจดีย์วัตถุอื่น เนื่องจากมีผู้เชื่อว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ พระแท่นดงรังนี้จริง ๆ ซึ่งเท่ากับว่าเมืองไทยนี้เป็นมัชฌิมประเทศ อันเป็นสถานที่ ประสูติ ตรัสรู้ และดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
วัดพระแท่นดงรัง หรือพระแท่นดงรัง สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัด สันนิษฐานว่าคงจะสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา เพราะได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธในประเทศลังกา เนื่องจากในสมัยพระเจ้าบรมโกศ ได้นำพันธุ์พระศรีมหาโพธิมาจากเกาะลังกา และเกิดมีพระพุทธบาทขึ้นที่เมืองสระบุรีและพระแท่นดงรังในแขวงเมืองราชบุรี (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี) นับถือกันว่าเป็นบริโภคเจดีย์
หลักฐานเก่าแก่ที่สุดคือ จากนิราศพระแท่นดงรังของ สามเณรกลั่น ที่เดินทางไปนมัสการพระแท่นดงรังพร้อมสุนทรภู่ เมื่อเดือนสี่ ปีมะเส็ง ปี พ.ศ. ๒๓๗๖ ว่า
ถึงพระแท่นแสนสงัดเห็นวัดมี
สมัยรัชกาลที่ ๔
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล่าเจ้าอยู่หัว (เจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์) ได้เสด็จพระราชดำเนินมานมัสการพระแท่นดงรัง เมื่อเดือน ๖ ปีมะเมีย พ.ศ. ๒๔๐๒ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ตามปรากฏในพระราชพงศาวดารว่า "เมื่อปีกุน เบญจศก (พ.ศ. ๒๔๐๕) ที่พระแท่นดงรังก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้กรมการเมืองราชบุรี ทำวิหารและพระราชอุโบสถที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ จำนวนเงินไม่ปรากฎ และให้สร้างเจดีย์ขึ้นที่หลังพระแท่น ๑ องค์
สมัยรัชกาลที่ ๕
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชนิพนธ์เสด็จประพาสไทรโยค ปีฉลู จ.ศ. ๑๒๓๙ (พ.ศ. ๒๔๒๐) ได้กล่าวถึงค่ายหลวงพระแท่นดงรัง ได้ทรงเขียนอธิบายถึงพระแท่นดงรังอย่างละเอียดว่า " ... จนเวลาบ่ายโมงครึ่งไปที่พระแท่น ขี้เกียจจะแวะที่พระแท่นเป็น ๒ หน ๓ หน จึงขึ้นไปที่เขาถวายพระเพลิงเสียทีเดียว ระยะทางที่มาประมาณว่า ๑๒ เส้นนั้น เย็นวันนี้ ถามพันจันทร์ได้ความว่า ตั้งแต่พลับพลาไปจนถึงวิหารพระแท่น ทาง ๑๖ เส้น ๑๓ วา แต่วิหารไปถึงเชิงเขา๑๐ เส้น ๗ วา แต่เชิงบันไดถึงเชิงมณฑป ๓ เส้น ๘ วา ... ตรงหน้าที่สูงขึ้นบันไดขึ้นไป ยังเป็นยอดสูงขึ้นไปอีกหน่อยหนึ่งเป็นที่ตั้งมณฑป ๑๒ เหลี่ยม กว้างประมาณ ๓ วา มีเสาข้างใน ๔ เสา ทำเป็นเมรุกลายๆ ยอดแหลม มีประตู ๒ ประตู ในนั้นมีพระบาทอยู่เชิงตะกอน ... ที่วิหารพระแท่นตั้งอยู่ที่นั้นเป็นเขาเทือกเดียวกันกับเขาถวายพระเพลิง เชิงเขานั้นตกราบลงมาสูงกว่าพื้นดินข้างล่างอยู่หน่อยหนึ่ง มาถึงที่พระแท่นจึงเป็นเขาศิลากองยาวออกไป ที่ข้างหลังวิหารมีช่องศิลายาวประมาณ ๖ นิ้ว กว้าง ๔ นิ้ว หยั่งดูลึกสักสองศอก ว่าเป็นที่บ้วนพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า ที่พระแท่นนั้นเป็นปลายของเทือกศิลาที่เขานั้นยื่นออกมาก่อผนังทับคงเป็นศิลาเป็นแท่งสูง ข้างหนึ่งต่ำข้างหนึ่งสูงนั้น วัดได้ศอกคืบ ยังมีสูงขึ้นไปเหมือนหนึ่งเป็นหมอน กว้างสักคืบเศษ สูงคืบหนึ่ง ข้างปลายสูง ๑๖ นิ้ว ยาว ๑๑ ศอกคืบ ข้างบนกว้าง ๔ ศอกเศษ เป็นพื้นขรุขระอยู่ แต่เจ้าของปิดทองทำปั้นเป็นบัวรองไว้
สมัยรัชกาลที่ ๖
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๔ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เสด็จพระราชดำเนินไปซ้อมรบเสือป่า ณ ค่ายหลวงบ้านโป่ง ภายหลังการซ้อมรบเสือป่าแล้วได้เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งไปตามถนนและทางเกวียนมาทรงสักการะพระแท่นดงรัง แต่เสด็จเพียงวันเดียวไม่ได้ประทับแรม
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีลายพระหัตถ์เล่าเรื่องพระแท่นดงรังถวายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ในสาส์นสมเด็จ ภาค ๓๗ ฉบับลงวันที่ ๑๙ และ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ ว่า " ... ถึงพระแท่นดงรัง หม่อมฉันเห็นว่าศักดิ์สิทธิ์สำคัญไม่ได้อยู่ที่ตัวพระแท่น เท่ากับผ้าเหลืองที่เขาเอาซ้อนกองไว้บนพระแท่นเป็นรูปคล้ายกับศพคลุมผ้านอนอยู่บนนั้น ผู้ที่ไปพระแท่นดงรังครั้งแรก ล้วนนึกว่าจะไปดูพระแท่น ครั้นไปถึงแต่พอโผล่ประตูวิหารเข้าไป เห็นรูปกองผ้าเหลืองเหมือนอย่าง "พระพุทธศพ" วางบนพระแท่นก่อนสิ่งอื่นก็จับใจในทันที บางคนก็สะดุ้งกลัว บางคนยิ่งรู้สึกเลื่อมใส พระแท่นดงรังอัศจรรย์ด้วยผ้าเหลืองกองนั้นเป็นสำคัญ จึงมักกล่าวกันว่าพระแท่นศิลาอาสน์ไม่น่าเลื่อมใสเหมือนพระแท่นดงรัง
สมัยรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมานมัสการพระแท่นดงรัง ๒ ครั้งคือ
เรื่องเล่าจากบันทึก เล่าเรื่องต่างๆที่มีสาระและน่าสนใจ ประวัติศาสตร์ ประวัติบุคคลสำคัญต่างๆ รวมถึงธรรมะคำสอนต่างๆ
Повторяем попытку...
Доступные форматы для скачивания:
Скачать видео
-
Информация по загрузке: