ycliper

Популярное

Музыка Кино и Анимация Автомобили Животные Спорт Путешествия Игры Юмор

Интересные видео

2025 Сериалы Трейлеры Новости Как сделать Видеоуроки Diy своими руками

Топ запросов

смотреть а4 schoolboy runaway турецкий сериал смотреть мультфильмы эдисон
Скачать

Ep 106 ไทฟอยด์ โรคที่มากับน้ำ

Автор: Hug Health & Herb

Загружено: 2022-06-14

Просмотров: 78

Описание: คนในสมัยก่อนพบว่ามีโรคบางอย่างที่อาการคล้ายกับโรคไทฟัส หรือโรคไข้รากสาดใหญ่ (Typhus) จึงเรียกโรคนี้ว่า โรคไทฟอยด์ หรือโรคไข้ไทฟอยด์ หรือโรคไข้รากสาดน้อย (Typhoid fever) ชื่อของโรคทั้ง 2 นี้มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกโบราณคือ Typhos ซึ่งแปลว่า ขุ่นมัว มีควัน หรือหมอก ซึ่งหมายถึงสภาพจิตใจของผู้ป่วยโรคเหล่านี้
โรคไทฟอยด์เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ผู้ป่วยจะมีอาการไข้และปวดท้องเป็นหลัก โรคนี้จึงมีอีกชื่อในภาษาอังกฤษว่า Enteric fever (Enteric แปลว่า ลำไส้) ความสำคัญคือ ถ้าไม่ได้รับการวินิจฉัยและไม่ได้ยาปฏิชีวนะสำหรับรักษา จะมีโอกาสเสียชีวิตได้ โรคนี้มีวัคซีนสำหรับป้องกัน แต่ป้องกันได้เพียงระยะสั้นๆประมาณ 2 - 5 ปีขึ้นกับชนิดของวัคซีน
ดังนั้นในประเทศที่พัฒนาแล้วมีการดูแลเรื่องสุขอนามัยที่ดี มีสิ่งแวดล้อมที่สะอาด ก็แทบจะไม่พบผู้ป่วยเลยอย่างเช่นในประเทศสหรัฐอเมริกา ปี พ.ศ. 2549 พบผู้ป่วยประมาณ 300 ราย ใน ขณะที่ประเทศด้อยพัฒนาและกำลังพัฒนาพบมีอัตราป่วยสูง โดยอาจจะเกิดขึ้นตลอดทั้งปีหรือระบาดเป็นครั้งๆไป ทั่วโลกพบผู้ป่วยประมาณ 21 ล้านคนต่อปี มีผู้เสียชีวิตประมาณ 200,000 คนต่อปี โดย 80% ของผู้ป่วยทั่วโลกมาจากประเทศบังคลาเทศ อินเดีย ปากีสถาน จีน อินโดนีเซีย สำหรับในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2560 มีรายงานตัวเลขผู้ป่วย 1.63รายต่อประชากร1แสนคน แต่ไม่พบมีผู้ป่วยเสียชีวิต
โรคไทฟอยด์เกิดจากร่างกายติดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคนี้ ซึ่งชื่อ Samonella typhi และ Samonella paratyphi ซึ่งเชื้อ 2 ชนิดนี้พบเฉพาะในคน การติดต่อจึงเกิดจากคนสู่คนเท่านั้น โดยผู้ที่ป่วยเป็นโรคจะขับเชื้อออกทางอุจจาระเป็นหลัก ดังนั้นการติดต่อจึงเกิดขึ้นได้จาก
การขับถ่ายที่ไม่ถูกสุขลักษณะ การไม่ล้างมือก่อนการหยิบจับอาหาร การกินอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ
การใช้แหล่งน้ำบริโภคที่มีเชื้อ ซึ่งเชื้อปนเปื้อนมาจากขยะ ของเสียที่ทิ้งลงสู่แหล่งน้ำ รวมทั้งพบจากการกิน กุ้ง หอย ปู ปลา ด้วยเนื่องจากสัตว์เหล่านี้อาจกินสิ่งปฏิกูลของเสียต่างๆ ที่คนเททิ้งลงสู่แหล่งน้ำ
เชื้อไทฟอยด์ก่อโรคได้อย่างไร?
เมื่อกินอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคไทฟอยด์เข้าไปแล้ว เชื้อโรคจะเดินทางผ่านกระ เพาะอาหารเข้าสู่ลำไส้เล็ก ซึ่งโดยปกติแล้ว เชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นๆมักจะถูกทำลายด้วยภาวะที่เป็นกรดของกระเพาะอาหาร น้ำดี และน้ำย่อยอาหารชนิดต่างๆ แต่สำหรับเชื้อชนิดนี้จะทนทานต่อสิ่งเหล่านี้ได้ดี และสามารถเดินทางต่อไปจนถึงลำไล้เล็กส่วนปลายในที่สุด
จากนั้นเชื้อจะผ่านเยื่อบุลำไส้เล็กเข้าไปในผนังลำไส้เล็ก แล้วเชื้อจะเข้าไปในกลุ่มเนื้อเยื่อชนิดมีเม็ดเลือดขาวอยู่ เรียกกลุ่มเนื้อเยื่อชนิดนี้ว่า Payer’s patch โดยจะมีเม็ดเลือดขาวชื่อ Macrophage ในเนื้อเยื่อนี้มาเก็บกินเชื้อ เชื้อที่ถูกกินนี้จะมีระบบป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกทำลาย เม็ดเลือดขาวที่ติดเชื้อเหล่านี้จะเดินทางเข้าสู่หลอดน้ำเหลือง กระจายต่อสู่ ต่อมน้ำเหลือง ตับ ม้าม ไขสันหลัง ซึ่งเชื้อก็จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนในอวัยวะเหล่านี้และกระจายเข้าสู่กระแสเลือด (โลหิต) ต่อไป เชื้อโรคบางกลุ่มที่เข้าสู่ตับ จะเข้าสู่ถุงน้ำดีแล้วลงสู่น้ำดีต่อไป เมื่อน้ำดีถูกขับเข้าสู่ลำไส้เล็ก เชื้อโรคเหล่านี้จะถูกขับออกไปด้วย เชื้อบางตัวจะกลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้งเมื่ออยู่ที่ลำไส้เล็กส่วนปลาย ก่อการติดเชื้อในร่างกายซ้ำ (Re-infection) และเชื้อบางส่วนจะถูกขับออกทางอุจจาระและติดต่อสู่ผู้อื่นต่อไป
ระยะฟักตัวของโรคไทฟอยด์คือ ตั้งแต่รับเชื้อจนกระทั่งแสดงอาการประมาณ 3 - 21 วัน ระยะเวลาที่สั้นหรือยาวขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับเข้าสู่ร่างกาย
อาการที่เด่นชัดของโรคไทฟอยด์คือ มีไข้ โดยในแต่ละวันไข้จะขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ
อาการอื่นๆที่อาจพบร่วมได้ เช่น หนาวสั่น เหงื่อออก ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ มึนศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เมื่ออาการไข้เป็นได้ประมาณ 7 วันไข้จะเริ่มคงที่ โดยจะอยู่ที่ประ มาณ 39 - 40 องศาเซลเซียส และจะมีผู้ป่วยประมาณ 30 - 40% ที่มีอาการปวดท้อง และท้อง ผูกร่วมด้วย
การตรวจร่างกายในช่วง 1 - 2 สัปดาห์แรกนี้จะพบมีผื่นราบหรือผื่นนูน สีออกแดง ขนาด 2 - 4 มิลลิเมตร จำนวนไม่เกิน 5 ผื่น ซึ่งเรียกว่า Rose spots มักเป็นที่ลำตัวและหน้าอก และจะเป็นอยู่เพียงแค่ 2 - 5 วันแล้วหายไป ตรวจร่างกายอื่นๆจะพบ ม้ามโต หัวใจเต้นช้า และชีพจรเต้นผิดปกติ
ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 เป็นต้นไป อาการจะรุนแรงขึ้นได้แก่ เบื่ออาหารจนน้ำหนักตัวลดลงมากกว่า 10% ท้องบวมโตขึ้น หายใจหอบเร็ว มีอาการหมดแรง สับ สน ประสาทหลอน ซึม จนถึงขั้นโคม่า สำหรับไข้ยังคงอยู่ในระดับสูงเหมือนเดิม ผู้ป่วยจะมีโอ กาสเสียชีวิตประมาณ 10 - 20%
รักษาโรคไทฟอยด์อย่างไร?
การรักษาหลักของโรคไทฟอยด์คือการให้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งมีทั้งรูปแบบกินและแบบฉีด ปัจจุบันพบเชื้อดื้อยามากขึ้นเรื่อยๆ การจะเลือกใช้ยาปฏิชีวนะชนิดใดก็ต้องดูผลการทดสอบการดื้อยาของเชื้อด้วย
การรักษาแบบประคับประคองก็จะทำควบคู่ไปกับการรักษาหลัก เช่น การให้ยาลดไข้พาราเซตามอล (Paracetamol) ยาแก้ปวด การให้กินน้ำเกลือแร่ หรือให้ทางหลอดเลือด
นอกจากนี้ ก็เป็นการรักษาตามภาวะแทรกซ้อน (ผลข้างเคียง) ที่เกิดขึ้น เช่น ถ้ามีลำไส้แตกทะลุก็ต้องผ่าตัดรักษา เป็นต้น
โรคไทฟอยด์เป็นโรครักษาได้หาย ผู้ป่วยที่ได้รับยาปฏิชีวนะจะลดระยะเวลาป่วยจากเดิมที่อาจมีไข้อยู่นานถึง 2 - 4 สัปดาห์จะเหลือเพียง 3 - 5 วัน และลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน (ผล ข้างเคียง) รวมทั้งอัตราการเสียชีวิตให้เหลือน้อยกว่า 1% ในขณะที่ผู้ป่วยที่ไม่ได้ยาปฏิชีวนะ อัตราการเสียชีวิตจะประมาณ 10 - 20%
ภาวะแทรกซ้อนที่มักเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยาปฏิชีวนะและเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตได้คือ ลำไส้เล็กส่วนปลายแตกทะลุและ/หรือมีเลือดออกในลำไส้ ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังสัปดาห์ที่ 3 ของการป่วยเป็นต้นไป ผู้ป่วยที่รอดชีวิตบางคนจะหลงเหลืออาการทางระบบประสาท เช่น จิตหลอน ซึมเศร้า ไปตลอด

Не удается загрузить Youtube-плеер. Проверьте блокировку Youtube в вашей сети.
Повторяем попытку...
Ep 106 ไทฟอยด์ โรคที่มากับน้ำ

Поделиться в:

Доступные форматы для скачивания:

Скачать видео

  • Информация по загрузке:

Скачать аудио

Похожие видео

© 2025 ycliper. Все права защищены.



  • Контакты
  • О нас
  • Политика конфиденциальности



Контакты для правообладателей: [email protected]