อยากให้ลูกรักฟันดี ต้องทำอย่างไร | Podcast No.1 | by Snowizzo snow

Описание: แรงบันดาลใจในการทำ podcast นี้ เริ่มมาจากการลองพูดให้ความรู้เรื่องฟันผ่านเสียงตามสายในโรงพยาบาล แล้วไม่อยากให้พูดครั้งเดียว แล้วมันหายไป อยากให้เปิดซ้ำๆ ได้ จึงพยายามทำเป็นคลิ๊ปเสียง จนมาสู่เป็นวีดีโอ podcast ใน youtube ค่ะ

script :

สวัสดีค่ะ นี่คือ podcast ที่หมอฟัน จะมาแบ่งปันความรู้เล็กๆที่จะช่วยดูแลเรื่องฟัน ให้กับคุณค่ะ...
หัวข้อที่หมออยากมาชวนคิดชวนคุยกันในวันนี้คือ
ถ้าอยากให้ลูกรักของเรามีฟันที่ดี ต้องทำอย่างไร

แต่เอ๊ เด็กมีฟันน้ำนมเนี่ย เด๋วก็หลุดไป ก็มีฟันแท้ใหม่ ไม่เห็นต้องกังวลเลยนี่นา
บางคนอาจจะคิดแบบนี้ใช่ไหมคะ นั่นแหน่ คิดแบบนี้ ไม่ได้เลยนะคะ
ฟันน้ำนม มีความสำคัญมากๆ เป็นตัวกำหนดการขึ้นของฟันแท้ หากเด็กถูกถอนฟันน้ำนมไปก่อนเวลาอันควร มีผลทำให้ฟันแท้ซ้อนเกได้ค่ะ
นอกจากนั้น เด็กน้อยก็จะไม่มีฟันเคี้ยวอาหาร ส่งผลต่อการเจริญเติบโตเด็กได้ค่ะ

เราก็พอจะเห็นความสำคัญของฟันน้ำนมกันแล้วใช่ไหมคะ หมอเลยอยากจะบอกว่า การดูแลเรื่องฟันต้องเริ่มกันตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรกเลยนะคะ

และคำถามยอดฮิตของคุณพ่อและคุณแม่ยุคใหม่ คือ จะพาลูกไปหาหมอฟันครั้งแรกเมื่อไรดี สมาคมทันตแพทย์สำหรับเด็กแห่งสหรัฐอเมริกา แนะนำให้พาลูกไปพบหมอฟันครั้งแรกเมื่ออายุ หก เดือน หรือ หลังจากฟันน้ำนมซี่แรกขึ้นในช่องปากได้ หกเดือน ไม่ควรเกินอายุ 1 ปี และพาไปพบหมอฟันเป็นประจำ ปีละ 1-2 ครั้ง หรือ มากกว่านี้แล้วแต่ความเสี่ยงในการเกิดฟันผุของเด็กแต่ละคน คุณหมอฟันก็จะเป็นคนประเมินให้ค่ะ แล้วเมื่อเราพาลูกไปหาหมอฟัน คุณหมอจะทำอะไรบ้างนั้น หมอก็จะเล่าคร่าวๆว่า
อ่า คุณหมอฟันก็จะตรวจดูว่า มีฟันผุหรือไม่ ตรวจความผิดปกติการขึ้นของฟัน และถ้าคุณหมอพบว่า การทำความสะอาดฟันยังไม่เหมาะสม คุณหมอก็จะแนะนำวิธีทำความสะอาดฟันที่เหมาะสมให้ค่ะ

แล้วถ้าหากลูกอายุเกินอายุที่หมอแนะนำแล้วจะทำยังไงดี หมอก็จะแนะนำว่า ให้รีบพาไปหาคุณหมอโดยเร็วที่สุดเลยค่ะ
และควรเตรียมตัวเด็กๆล่วงหน้าด้วยนะคะ

อ่ะ คำถามต่อมา ก็ผุดขึ้นมาเลยใช่ไหมคะ นั่นคือ แล้วจะเตรียมตัวอย่างไรดี
คุณพ่อและคุณแม่ ก็คงจะตื่นเต้นน่าดูเลย หมอเชื่อว่า อาจจะตื่นเต้นกว่าลูกอีกก็เป็นได้ คงลุ้นกันแน่นอนว่า มาหาหมอฟันครั้งแรกเนี่ย จะร้องงอแงมั้ย จะยอมให้คุณหมอตรวจฟันรึเปล่า

หมอก็เลยมีคำแนะนำเรื่องการเตรียมตัวมาฝากกันนะคะ ก็...โดยเมื่อนัดหมายกับคุณหมอแล้ว ควรเตรียมตัวลูกให้พร้อมก่อนไปหาหมอฟัน 1-2 สัปดาห์ โดยหาหนังสือ นิทานเกี่ยวกับการแปรงฟัน บอกลูกล่วงหน้าว่า เราจะไปตรวจฟันกัน ซ้อมอ้าปากกว้างๆ อาจจะใช้กระจกส่อง เปิดไฟฉายดู หมอฟันจะมีไม้นับฟัน และ แปรงสีฟันพิเศษ ระบายสีฟัน ช่วยให้สวยและมีกลิ่นหอม พ่อกับแม่ อาจจะเล่นบทบาทสมมติเป็นหมอกับคนไข้ไปตรวจฟันก็ได้ ถ้ามีพี่น้อง ก็ให้พี่ตรวจก่อน น้องก็จะอยากทำบ้างค่ะ

ที่สำคัญอย่าหลอกลูกว่า จะพาไปเที่ยวแล้วเลี้ยวเข้าหาโรงพยาบาลหรือ คลินิก เพราะความเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญนะคะ
พยายามอย่าขู่ให้เด็กกลัวคุณหมอ เช่น ถ้าดื้อ จะพาไปให้หมอฟันฉีดยา หรือ จับถอนฟัน เด็กก็จะมีความกลัวฝังใจได้ค่ะ

ต่อมาเรื่องทัศนคติของคนในครอบครัวก็สำคัญมากเช่นกัน
การที่จะให้เด็กน้อยคนหนึ่งฟันดีได้
เริ่มจากทัศนคติของคุณพ่อคุณแม่ก่อนเลย ถ้าคุณพ่อและคุณแม่ ญาติผู้ใหญ่ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพฟัน ไม่ปล่อยปะละเลย ลูกรักก็จะฟันดีได้แน่นอน หมออยากยกตัวอย่างการปล่อยปะละเลย ที่ดูเหมือนจะเป็นความรักความห่วงใย แต่จริงๆก็...กลับเป็นผลร้ายตามมา เช่นเด็กไม่อยากแปรงฟันก็ปล่อยเขา ไม่อยากทำให้เขาร้องไห้ จะไปบังคับทำไม น่าสงสาร

นี่ก็..เป็นตัวอย่างค่ะ หากปล่อยตามใจลูกแบบนี้ ฟันผุจะถามหาแน่นอน อาจจะผุหมดทั้งปากได้เลยค่ะ ปัญหาปวดฟันก็จะตามมา และหากพาลูกมาหาหมอฟันครั้งแรกด้วยอาการปวดแล้วละก็ ประสบการณ์ครั้งแรกในการหาหมอฟันของเขาก็คงจะไม่น่าอภิรมย์เลย จริงไหมล่ะคะ

โดยธรรมชาติเด็กเขาร้องไห้ งอแงไม่ยอมแปรงฟัน เป็นเพราะการแปรงฟัน มันไม่ได้สนุกสานเพลิดเพลินเหมือนการกิน การเล่น และภายในช่องปากเป็นอวัยวะส่วนที่ค่อนข้างจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวค่ะ เป็นปกติที่เด็กจะไม่ชอบใจเมื่อมีใครเนี่ย เอาอะไรใส่ในปากของเขาค่ะ
เราคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “บางอย่างเราไม่อยากทำ แต่ก็จำเป็นต้องทำ”
ใช่ไหมคะ
การแปรงฟันก็เช่นกันค่ะ
สุขภาพฟันดีเริ่มตั้งแต่ซี่แรก
และถึงแม้จะไม่ได้เริ่มตั้งแต่ซี่แรก จะเริ่มตอนนี้ก็ไม่สายนะคะ

ใครมีลูกๆหลานๆ ยังไม่เคยพามาหาหมอฟัน ก็มากันได้เลยค่า

สุดท้ายขอฝากไว้ว่า อยากมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงนะคะ ก็ขอให้ เริ่มต้นกันจากสิ่งเล็กๆ เช่นการดูแลสุขภาพฟัน ก็จะช่วยให้สุขภาพของเราแข็งแรงได้นะคะ สำหรับวันนี้หมอขอลาไปก่อนค่ะ สวัสดีค่า