21 เป็นธรรมทายาท อย่าเป็นอามิสทายาท
Автор: THAM CHAT
Загружено: 2023-05-22
Просмотров: 11
Описание:
21 เป็นธรรมทายาท อย่าเป็นอามิสทายาท
ประวัติ ท่าน ก. เขาสวนหลวง
โพสท์ในลานธรรมเสวนาโดย คุณ : กระต่าย [ 1 ธ.ค. 2542]
เนื้อความ : เคยได้อ่านธรรมะของท่าน ก. เขาสวนหลวง มาก็หลายครั้งแล้วจนมีหลายคนถามถึงว่า ท่าน ก. นั้นเป็นใคร พอดีมีพิมพ์ประวัติของท่านเอาไว้ สำหรับจะนำไปไว้ในห้องสมุดออนไลน์ด้วย เลยสามารถนำมาลงให้อ่านกันก่อนได้
ประวัติโดยสังเขป ของท่าน ก. เขาสวนหลวง
ท่าน ก. เขาสวนหลวง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในบรรดาท่านที่สนใจธรรมปฏิบัติ มีนามเต็มว่า อุบาสิกา กี นานายน เกิดเมื่อวันที่ มิถุนายน 2444 ปีฉลู ที่ตำบลท่าแจ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี บิดาชื่อ นายฮก นานายน มารดาชื่อ นางบุญมี นานายน มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 5 คน คือ
1. อุบาสิกา กี นานายน
2. เด็กหญิงถึงแก่กรรมเมื่อยังเล็กๆ
3. นายอุ๋ยเส่ง นานายน
4. นายชยัญ นานายน
5. อุบาสิกาวัลย์ นานายน (ละสังขารเมื่อ 8 เมษายน 2536)
ในวะระคล้ายวันเกิดของท่าน ก. เขาสวนหลวง ในปี พ.ศ.2514 ท่านได้เล่าเกี่ยวกับประวัติ ชีวิตส่วนตัว ว่าเกิดมาทำไม ดังต่อไปนี้
เมื่ออายุประมาณ 3-4 ขวบ มารดาได้สอนให้สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน ถ้าเผลอตัวหลับไป โดยไม่ได้ สวดมนต์ ต้องลุกขึ้นสวดมนต์เสียก่อน จึงจะนอนต่อไป
พออายุ 6 ขวบ มารดาท้องแก่แล้วยังต้องทำงานหนัก เช่น หาบน้ำจากแม่น้ำที่อยู่ใกล้ๆ บ้าน รู้สึก มีความสงสารมารดา จึงได้บอกแก่มารดาว่า จะช่วยหาบน้ำบ้าง มารดาจึงได้ตัดไม้กระบอกให้ และได้หาบน้ำ ด้วยไม้กระบอกนั้นทุกวัน
ใกล้รุ่งคืนหนึ่ง มารดาเจ็บท้องจะคลอด มีความรู้สึกกลัวมาก พอสว่างก็ออกมาดู เห็นน้องตัวแดงๆ ผมดำนอนอยู่ในเบาะ ก็เกิดความกลัว จึงรีบหนีไปอยู่บ้านที่ใกล้เคียง ล่วงไปได้ 3 วัน จึงได้กลับมาบ้าน เห็นมารดานอนอยู่บนเตียงเล็กๆ ตามแบบอยู่ไฟของคนโบราณ ให้รู้สึกสงสารมาก
ครั้นอายุได้ 7 ขวบ ได้ไปอยู่กับญาติที่กรุงเทพฯ ได้รับเงินค่าขนมวันละหนึ่งอัฐ ก็ไม่ได้นำไปซื้อขนมกินเลย แต่ได้ไปซื้อดอกไม้มาบูชาพระพุทธรูปทุกวัน
ต่อมาได้ค่าขนมเพิ่มขึ้นเป็นวันละหนึ่งไพ จึงซื้อข้าวที่เขาขายกระทงละหนึ่งไพ นำไปใส่บาตรทุกวัน เมื่อได้กลับมาอยู่บ้านเดิม (จังหวัดราชบุรี) มารดาซึ่งเคยรักษาศีลอุโบสถก็ได้สอน ไม่ให้ทำบาป และไม่เคย พาลูก ไปเที่ยวดูการละเล่นเลย และไม่ชอบแต่งตัวด้วย
เมื่ออายุ 11-12 ปี ได้หัดอ่านหนังสืออยู่กับบ้านจนอ่านออก ชอบอ่านหนังสือคำกลอน ซึ่งเป็นคำสุภาษิต และเรื่องของพระโพธิสัตว์สร้างบารมี พออายุ 18 ปี มารดาป่วยหนัก ต้องคอยดูแลทั้งกลางวันและกลางคืน จนมารดาถึงแก่กรรมด้วยความสงบ
ได้เริ่มรักษาศีลอุโบสถเมื่ออายุ 24 ปี การท่องบทสวดมนต์แปลทำให้ได้รับประโยชน์มาก ครั้งหนึ่ง ผู้ใหญ่ชวนไปดูงานประจำปี ยืนดูสักครู่หนึ่งก็นึกถึงศีลข้อ "นัจจ คีตฯ" ที่ห้ามไม่ให้ดูการฟ้อนรำต่างๆ ก็เกิดความละอายใจ จึงได้บอกกับผู้ใหญ่ที่ไปด้วยว่าจะกลับบ้าน ตั้งแต่นั้นมา ก็ไม่ได้ไปดูการละเล่นอีกเลย ถ้าที่วัดมีงานในวันอุโบสถ ก็กลับมานอนที่บ้าน การใช้เครื่องนุ่งห่มก็ไม่ใช้ผ้าสี มีความสนใจอ่านหนังสือธรรมะ ที่เป็นข้อปฏิบัติอยู่เสมอ
ครั้งหนึ่งไปที่วัดเขาวัง (พ.ศ. 2468) มีผู้ปฏิบัติไปทำความเพียรกันอย่างเคร่งครัด ด้วยการถือเนสัชชิ คือไม่นอนตลอดคืน จึงอยากจะทดลองดูบ้าง แต่คิดจะอยู่เพียงครึ่งคืน เพราะยังไม่เคยอดนอนตลอดคืน ได้กำหนดภาวนา "พุทโธ" ติดต่ออยู่ ทั้งอิริยาบถนั่ง ยืน เดิน ขณะกำลังเดินไปมาท่ามกลางอากาศโปร่ง ได้แหงนขึ้นดูดวงจันทร์ที่ปราศจากเมฆหมอกในตอนดึก ความรู้สึกภายในจิตมันอุทานออกมาว่า "พระพุทโธ" เป็นผู้ตื่น ไม่มีกิเลสภายในจิตใจ เบิกบานอย่างนี้เอง ในขณะนั้นจิตมีความซาบซึ้ง เกิดจากความปีติ เบิกบาน อยู่ภายใน เพราะได้เห็นดวงจันทร์ที่ปราศจากราคี เป็นสื่อมาเทียบกับจิตใจในขณะนั้นด้วย เวลาดึก จนเที่ยงคืน ล่วงแล้ว ก็ไม่มีความง่วงเหงาหาวนอนเลย มีแต่ความชุ่มชื่น เบิกบานอยู่ภายใน มีความปีติ ถึงกับได้ก้มลงกราบ กับพื้นดิน แล้วก็ค่อยๆ เดินบ้าง นั่งบ้าง จนตลอดรุ่ง เป็นอันว่าได้ถือเนสัชชิได้เป็นครั้งแรก และได้อรรถรสใน พระพุทธคุณบท "พุทโธ" ด้วยใจจริงเป็นครั้งแรก และเป็นเหตุให้ถือเนสัชชิได้ในเวลาต่อๆมา
อีกครั้งหนึ่งได้ไปพักที่วัดเขาวังกับอุบาสิกาผู้หนึ่ง เมื่ออยู่ได้ 5-6 วัน อุบาสิกาผู้นั้นได้กลับก่อน อยู่คนเดียวมีความปลอดโปร่งมาก ได้นั่งทำความสงบ พอง่วงก็ออกไปเดินรับอากาศข้างนอกห้อง พอหายง่วง ก็กลับมานั่งทำความสงบใหม่ ทำอย่างนี้อยู่เรื่อยมา พอคืนที่ 9 ขณะกำลังทำความสงอยู่ในมุ้ง ได้เผลอ สัปหงกไป แล้วกลับมามีความรู้สึกโพลงแจ้งขึ้น มีความรู้แจ้งกระจ่างในพระธรรมเจ็ดคัมภีร์ ตั้งต้นจาก กุสลาธัมมา คัมภีร์ที่หนึ่ง พรึ่บเดียวถึงคัมภีร์ที่เจ็ด เป็นความรู้แจ้งแทงตลอด พอความรู้หยุดเพียงแค่นั้น จึงได้ลืมตาขึ้น ก็เห็นภายในมุ้งมีความสว่างเหมือนแสงเดือนส่อง เกิดความสงสัยว่า เป็นแสงอะไร จึงได้เปิดมุ้ง ออกมาดูข้างนอก ซึ่งมีแสงสลัวๆ ได้เปิดประตูไปดูนอกห้อง เห็นมืดไปหมด จึงย้อนเข้ามาดูในห้องใหม่อีก ก็มืดไปตามเดิม
การทำข้อปฏิบัติชนิดที่ไม่รู้หลักเกณฑ์มาก่อน เมื่อได้รับการอบรมให้เหมาะสม ก็มักจะมีการโพลงแจ้ง ขึ้นมาเอง และก็ได้มีข้อสังเกตของตังเอง ซึ่งพอจะจับเค้าได้ในภายหลังว่า ความสงสัยในเรื่องความสว่าง ความมืดข้างนอก มันเป็นมายา การปฏิบัติที่มีความสันโดษต่อปัจจัยตามมีตามได้ ทำให้ไม่ตกเป็นทาสของอามิส ในโลก มีความเป็นอิสระตามฐานะของตนตลอดมา
เมื่ออายุ 26 ปี สมัยนั้นวัดมหาธาตุเป็นป่าเงียบสงัด จึงได้ชวนกันไปทำความเพียรที่นั่น ไปกัน 4 คน ได้ไปพักที่ศาลา ห่างจากเชิงตะกอนประมาณ 20 วา เพื่อฝึกให้เอาชนะความกลัวผี ในเวลากลางคืน ได้ค่อยกระเถิบเข้าไปหาเชิงตะกอน คืนละเล็กละน้อย จนกระทั่งหลายคืนต่อมา ก็ได้เข้าไปถึงเชิงตะกอน ประจวบกับเป็นเวลาเดือนหงาย จึงทำให้มองเห็นเศษกระดูกสีขาวปนอยู่กับถ่าน เรี่ยราด อยู่ตามเชิงตะกอน เมื่อได้พิจารณาดูแล้วก็ไม่เห็นว่าจะน่ากลัวที่ตรงไหน เลยทำให้ไม่มีความหวาดกลัว เหมือนแต่ก่อน
https://www.dharma-gateway.com/ubasika/kee...
Повторяем попытку...
Доступные форматы для скачивания:
Скачать видео
-
Информация по загрузке: