“หมอบัญญัติ” แจงผลดี-ผลเสีย ค้าขายออนไลน์ รัฐ - ประชาชน ต้องเรียนรู้

Описание: “หมอบัญญัติ” แจงผลดี-ผลเสีย ค้าขายออนไลน์ รัฐ - ประชาชน ต้องเรียนรู้
แนะลดเหลื่อมล้ำระหว่างผู้ค้าออนไลน์ – ผู้ค้าหน้าร้าน บริหารจัดการทั้งกฎหมาย ระบบภาษี คุณภาพสินค้า ให้เป็นธรรม

26 ส.ค.2563 นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.จังหวัดระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในวาระรับทราบรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์และการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ว่า ต้องขอบคุณ คณะ กมธ.วิสามัญฯ ที่ได้ทำรายงานที่สมบูรณ์ เสนอต่อสภาฯ ในวันนี้ ซึ่งตนเป็นผู้หนึ่งที่เสนอญัตติในเรื่องนี้ และเมื่อได้ผลสรุปจะได้นำส่งให้รัฐบาลได้พัฒนาธุรกิจการค้าออนไลน์ของประเทศต่อไป

เนื่องจากธุรกิจออนไลน์นี้เป็นธุรกิจรูปแบบใหม่ที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากได้ศึกษารายงานโดยละเอียดแล้วก็เห็นด้วยกับข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของ กมธ.วิสามัญ พร้อมกับได้เพิ่มเติมข้อเสนอแนะว่า ใน 2-3 ปี ที่ผ่านมา ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือที่เรียกว่าธุรกิจออนไลน์ในประเทศไทยมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ มีผลกระทบทั้งเชิงบวก และเชิงลบ ทั้งนี้ นพ.บัญญัติ ได้ยกตัวอย่างผลกระทบเชิงบวกจากพื้นที่จังหวัดระยอง ซึ่งมีผลไม้ตามฤดูกาลมากมาย ตั้งแต่มีธุรกิจค้าขายออนไลน์ ทำให้ราคาผลไม้ไม่ตก โดยเฉพาะราคาทุเรียนที่มีราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 100 บาท ตลอดฤดูกาล อีกทั้งไปรษณีย์ไทย และธุรกิจโลจิสติกส์ แข่งขันกันส่งสินค้าภายในระยะเวลาสั้นโดยคุณภาพสินค้าไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยแพลตฟอร์มของตัวเอง ทำให้เป็นการตัดพ่อค้าคนกลางออกไปได้มาก และสามารถกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว สะดวก รวดเร็ว ราคาถูก

แต่สำหรับผลกระทบเชิงลบนั้น นพ.บัญญัติ กล่าวว่า กระทบต่อสินค้าที่มีหน้าร้าน เช่น สินค้าชุมชน สินค้า OTOP เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีหน้าร้าน ซึ่งร้านเหล่านี้ล้วนมีภาระภาษีร้านค้า ภาษีโรงเรือนต่างๆ ขณะที่การค้าออนไลน์ไม่มีภาระภาษีเหล่านี้ และรัฐบาลยังไม่มีมาตรการในการเก็บภาษีเท่าที่ควร ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้ค้าขายออนไลน์ กับผู้ค้าขายที่มีหน้าร้าน ส่งผลให้ชุมชนเงียบเหงาอย่างถนัดตา ซัพพลายเออร์ต่างๆ ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้สูงอายุที่ค้าขายตามชุมชน ก็ไม่รู้เท่าทันวิธีการค้าออนไลน์ และรัฐบาลยังไม่มีการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้อย่างจริงจัง รวมถึงเรื่องการโอนเงิน หรือการทำธุรกรรมออนไลน์ด้วย

ทั้งนี้ นพ.บัญญัติ ได้เสนอทางออกว่า รัฐบาลควรมีการบริหารจัดการทั้งเรื่องกฎหมาย ระบบภาษี ระบบคุณภาพ และระบบธรรมาภิบาล ให้ผู้ค้าขายออนไลน์นั้นต้องค้าขายอย่างเป็นธรรม เพื่อส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพตั้งแต่ต้นทางไปถึงปลายทาง รับผิดชอบประกันสินค้า กรณีเกิดปัญหาก็ต้องมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อให้สามารถฟ้องร้อง และควรมีแพลตฟอร์มรวบรวมผู้ค้าขายต่างๆ เพื่อให้ได้มีการเรียนรู้และศึกษาร่วมกันเป็นกรณีตัวอย่างเพื่อไม่ให้เกิดการหลอกลวงในการค้าขายออนไลน์

“ปัจจุบันกรมการค้าภายในมีประกาศ คณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 49 พ.ศ. 2562 เรื่องการแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าบริการผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ดังนี้1. จะต้องแจ้งราคาสินค้าด้วยเลขอารบิก บางคนโพสต์ขายแล้วไม่ได้ใส่ราคาก็ผิดกฎหมาย 2. ต้องมีรายละเอียดประกอบ ชนิด ลักษณะ ขนาด น้ำหนักให้ชัดเจน 3. ต้องแสดงรายการ และราคาเป็นภาษาไทย จะมีภาษาอื่นร่วมด้วยก็ได้แต่ต้องมีภาษาไทย 4. ราคาต้องตรงกับราคาขายจริง เว้นแต่จะขายถูกกว่าที่โพสต์ไว้ ราคาแพงกว่าไม่ได้ 5. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ต้องระบุด้วย เช่นมีค่าขนส่งหรือไม่ ต้องชัดเจน ครบถ้วน เปิดเผย และอ่านง่าย ฝ่าฝืนปรับ 10,000 บาท อินบอกซ์กันต่อรองราคากันไปมาไม่ได้ แต่ถ้าโฆษณาว่ามีขายที่ร้านให้มาช้อป มาเลือกกันที่หน้าร้าน อันนั้นไม่ต้องบอกราคาได้ เพราะผู้ซื้อสามารถตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งได้ ถ้าพบผู้กระทำผิดให้แจ้งกรมการค้าภายใน สายด่วน 1569 และมีสินบนนำจับ 25%” นพ.บัญญัติกล่าวและว่า

รัฐต้องให้ความรู้แก่สังคมเรื่องการค้าขายออนไลน์ และต้องมีหน่วยงานด้านการส่งเสริมด้วย หรือเรียกว่า มี Digital Literacy ที่ต้องประกอบด้วย 1. Knowledge ความรู้ 2. Attitude ตระหนัก 3. Practice ฝึกปฏิบัติได้ ซึ่งเดี๋ยวนี้กว่าประชาชนจะตระหนักก็โดนหลอกมาเยอะแล้ว ได้สินค้ามาเป็นขยะที่บ้านอย่างนี้ไม่สมควร จึงขอให้ กมธ.ฯ ได้รับข้อเสนอแนะเหล่านี้เพื่อส่งต่อให้รัฐบาล ดำเนินการส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนสามารถค้าขายออกไลน์ได้มากขึ้น สามารถส่งมอบสินค้าได้สะดวก รวดเร็ว มีความปลอดภัย สินค้ามีคุณภาพ

“การค้าขายเครื่องสำอาง ต้องมีเลขจดแจ้ง โฆษณากันไปโฆษณากันมาไม่มีเลขจดแจ้งไม่สามารถทำได้ ต้องให้มีเลขจดแจ้ง มีเลข อย. เฉพาะกฎหมายกรมการค้าภายใน ก็มี 5 ประการแล้ว ยังมีกฎหมาย อย. การโฆษณาต่างๆ มีการทำผิดกฎหมายในการค้าออนไลน์มากมาย รวมทั้งการพนันออนไลน์ก็คงเป็นสินค้าธุรกิจอย่างหนึ่งด้วย ซึ่งมีจำนวนมากมาย และไปตั้งแพลตฟอร์มในต่างประเทศ ทำให้คนเป็นทาสของการพนัน เป็นธุรกิจการพนันอีกรูปแบบหนึ่ง การค้าขายออนไลน์ขออย่าให้มีการฉ้อโกง มีความปลอดภัย ให้การค้าขายออนไลน์เป็นทางหลักไม่ใช่ทางเลือกแล้ว” นพ.บัญญัติระบุ

สำหรับในช่วงท้ายได้ยกตัวอย่างกรณีที่ บ.เฟซบุ๊ก ยินยอมจ่ายภาษีและค่าปรับให้รัฐบาลฝรั่งเศสจำนวน 106 ล้านยูโร กรณีทำธุรกรรมออนไลน์ในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างปี 2009-2018 ในเรื่องนี้รัฐบาลไทยต้องเร่งทำการศึกษาถึงแพลตฟอร์มจากต่างประเทศที่มาดำเนินการค้าขายกับประเทศไทย และจะทำอย่างไรประเทศไทยได้ประโยชน์จากเม็ดเงินภาษี และรายได้จากบริษัทแพลตฟอร์มต่างๆ เหล่านี้ สำหรับนำมาส่งเสริมและบริหารจัดการให้การค้าขายออนไลน์มีความเป็นธรรม และเอื้อให้ระบบเศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจฐานราก และเศรษฐกิจมหภาคของไทยได้รุ่งเรืองก้าวหน้าตามเทคโนโลยีดิจิตอลนี้ต่อไป
#DemocratPartyTH #พรรคประชาธิปัตย์