เน้นการใช้ศีลเป็นเครื่องมือฝึกใจ ท่ามกลางความซับซ้อนของชีวิตประจำวัน

Описание: การบรรยายธรรมะ เรื่อง “อานุภาพแห่งศีล” โดย ดร.ยโสธารา ศิริภาประภากร ในวันวิสาขบูชา ประจำปี 2568
ระหว่างวันที่ 11–12 พฤษภาคม 2568 ณ วัดป่าโยธาประสิทธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
วันวิสาขบูชา หนึ่งในวันสำคัญยิ่งของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เป็นวันที่ระลึกถึงเหตุการณ์สามประการสำคัญในพระพุทธศาสนา ได้แก่ วันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดาเอกของโลกผู้ทรงแสดงธรรมเพื่อความพ้นทุกข์แก่มวลมนุษยชาติ

ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ ระหว่างวันที่ 11–12 พฤษภาคม พุทธศักราช 2568 วัดป่าโยธาประสิทธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ได้จัดกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาและพิธีบูชาพระรัตนตรัย พร้อมทั้งกิจกรรมการบรรยายธรรมะโดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ คือ ดร.ยโสธารา ศิริภาประภากร นักวิชาการด้านศาสนาและวัฒนธรรมผู้มีชื่อเสียง ได้รับเกียรติบรรยายธรรมะหัวข้อ “อานุภาพแห่งศีล” ซึ่งเป็นสาระสำคัญอันลึกซึ้งที่ชี้นำแนวทางการดำเนินชีวิตให้เป็นไปตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์

สารธรรมแห่ง “อานุภาพแห่งศีล”

ในการบรรยายธรรมะตลอดสองวัน ดร.ยโสธารา ศิริภาประภากร ได้กล่าวถึงความหมาย ความสำคัญ และผลแห่งการรักษาศีลไว้อย่างชัดเจน โดยเน้นว่า

“ศีลมิใช่เพียงข้อห้าม หากแต่เป็นแนวทางแห่งการสร้างความสงบสุขทั้งภายในและภายนอก เป็นรากฐานแห่งสมาธิและปัญญา ผู้มีศีล ย่อมมีความมั่นคงทางใจ อบอวลด้วยเมตตา และเป็นที่เคารพของสรรพสัตว์ทั้งหลาย”

ศีล ในความหมายของพระพุทธศาสนา หมายถึงการตั้งเจตนาเว้นจากการกระทำผิดทางกายและวาจา อันเป็นเครื่องควบคุมพฤติกรรมภายนอกของบุคคลให้สงบ เรียบร้อย และสอดคล้องกับหลักธรรม โดยเฉพาะ “ศีล ๕” ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานที่พุทธศาสนิกชนทั่วไปสามารถยึดถือได้ ได้แก่

เว้นจากการฆ่าสัตว์

เว้นจากการลักทรัพย์

เว้นจากการประพฤติผิดในกาม

เว้นจากการพูดเท็จ

เว้นจากการเสพของมึนเมา

ดร.ยโสธารา ได้อธิบายอย่างลึกซึ้งว่า การรักษาศีลนั้นเป็นวิธีการฝึกฝนจิตใจให้รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ตกเป็นทาสของตัณหาและอำนาจฝ่ายต่ำ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่นำไปสู่การฝึกสมาธิและการเจริญปัญญาอย่างแท้จริง

ศีลกับสังคมร่วมสมัย

ในยุคปัจจุบันที่สังคมมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดร.ยโสธารา ได้นำเสนอแง่มุมที่น่าสนใจว่า “ศีล” ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอยู่ร่วมกันในสังคม ด้วยเหตุว่า

ศีลช่วยยับยั้งความรุนแรงและความเห็นแก่ตัว

ศีลสร้างความไว้วางใจและความมั่นคงในความสัมพันธ์

ศีลเป็นเกราะคุ้มครองจิตใจให้สงบ ไม่หวั่นไหวตามกระแสโลก

การรักษาศีลจึงไม่ใช่เพียงการปฏิบัติส่วนบุคคล หากแต่เป็นการสร้างสังคมที่น่าอยู่ด้วยความเมตตา ความซื่อสัตย์ และความอดทนต่อกันและกัน

ข้อคิดส่งท้ายจากพระธรรม

ดร.ยโสธารา ได้ยกพระพุทธพจน์เพื่อเน้นย้ำถึงอานุภาพของศีลว่า:

“ศีลํ หเว เสฏฺฐํ อธิฏฺฐานํ”
“ศีลเป็นฐานะอันประเสริฐ”

และสรุปไว้ว่า “หากบุคคลใดมีศีล ย่อมเปรียบเสมือนเรือนที่มั่นคง มีเสาค้ำยันที่ไม่สั่นคลอนต่อพายุแห่งตัณหาและความยั่วเย้าของโลกียสุข” พร้อมเชิญชวนให้ทุกคนเริ่มต้นปฏิบัติศีลแม้เพียงข้อใดข้อหนึ่งอย่างมั่นคง เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของความเจริญในธรรมะและสันติสุขภายในใจ

บรรยากาศและความประทับใจ

ตลอดกิจกรรมในวันวิสาขบูชา ณ วัดป่าโยธาประสิทธิ์ มีพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมจำนวนมาก ทั้งจากพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และต่างจังหวัด โดยต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า การบรรยายของ ดร.ยโสธารา ไม่เพียงให้ความรู้เชิงธรรมะ แต่ยังถ่ายทอดด้วยวาทศิลป์ที่ลึกซึ้ง งดงาม สื่อถึงหัวใจของพระพุทธศาสนาได้อย่างสง่างามและเข้าถึงใจผู้ฟัง

การเจริญพระพุทธมนต์ เวียนเทียน และฟังธรรมในครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา หากแต่เป็นการซึมซับพลังแห่งธรรมะที่แท้จริง ซึ่งจะยังผลให้เกิดความสุข สงบ และเป็นพลังแห่งศรัทธาที่จะดำรงอยู่ในจิตใจของพุทธศาสนิกชนตราบนานเท่านาน

สรุป

กิจกรรมบรรยายธรรมะในวันวิสาขบูชา ประจำปี 2568 โดย ดร.ยโสธารา ศิริภาประภากร ณ วัดป่าโยธาประสิทธิ์ จังหวัดสุรินทร์ ถือเป็นอีกหนึ่งความงดงามของการเผยแผ่พระพุทธธรรมในยุคปัจจุบัน ที่เน้น “เนื้อหา” อันลึกซึ้งควบคู่กับ “พลังใจ” แห่งศรัทธา เป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้ฟังได้หันกลับมาทบทวนตน ปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามหลักธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “อานุภาพแห่งศีล” ที่จะนำพาทุกชีวิตให้หลุดพ้นจากความทุกข์ได้อย่างแท้จริง