Action Plan รัฐบาลอนุทิน การเมือง-เศรษฐกิจ 4 เดือน
Автор: One Voice Universe
Загружено: 2025-10-22
Просмотров: 1
                Описание:
                    รัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล แม้เป็นรัฐบาล มีเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เป็นประมุขฝ่ายบริหาร แต่ทว่าสถานภาพทางการเมือง เป็น “รัฐบาลเฉพาะกิจ” ที่อยู่เพียงแค่ 4 เดือน
อนุทิน ประกาศในหลายเวทีถึง “ไทม์ไลน์” ในการยุบสภา โดยกำหนดปฏิทินการเมือง 31 มกราคม 2569 คือวันยุบสภา แต่ไทม์ไลน์นี้ยังไม่นับ “ปัจจัยแทรกซ้อน” ทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
อาจเกิดการ “ยุบสภา” เร็วกว่ากำหนด มาจากปัจจัยทั้งที่จะถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปัจจัยความมั่นคง หรือความพร้อมของพรรคภูมิใจไทย ที่ต้องการชิงความได้เปรียบ
ไทม์ไลน์ยุบสภา 29 มีนาคม
โรดแมปการเมืองมีปัจจัยการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญเป็นปัจจัยสำคัญ ถูกฉายภาพผ่านการอธิบายของ “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” รองนายกรัฐมนตรี ที่วางโรดแมปการจัดทำประชามติรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 256 เพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) นำไปสู่การทำประชามติเพื่อถามความเห็นประชาชนว่าจะเห็นชอบให้แก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ พร้อมกับวันเลือกตั้ง 29 มีนาคม 2569
เป็นการวาง Action plan ตามกรอบ 4 เดือน ที่พรรคภูมิใจไทย ทำ MOA ร่วมกับพรรคประชาชน ในการขอเสียงตั้งรัฐบาล
“บวรศักดิ์” ไม่ขอเดาอารมณ์การเมือง เพื่อคอนเฟิร์มว่าวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 29 มีนาคม ชัด ๆ หรือไม่ “เพราะการเมืองเปลี่ยนทุกวัน ไม่ได้เปลี่ยนทุกเดือน แต่วันนี้ก็คืออย่างนี้ ยังไม่มีเหตุให้เปลี่ยน”
ADVERTISMENT
แต่ “บวรศักดิ์” ได้วางโรดแมปแนวทางกระบวนการจัดทำประชามติจนถึงวันเลือกตั้ง 29 มีนาคม 2569 ไว้ 2 แนว โดยนับจากวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นการทำงานของรัฐบาล
และขึ้นอยู่กับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 จะประกาศใช้หรือไม่ ซึ่งจะครบกำหนด 90 วัน ในวันที่ 3 พฤศจิกายน นับจากวันที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ
แนวทางแรก หากต้องใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ 2564 ที่เป็นฉบับปัจจุบัน รัฐสภาควรลงมติในวาระ 3 เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 15/1 ไม่เกินวันที่ 15-20 ธันวาคม 2568 และในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 จะเป็นวันสุดท้ายที่นายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศให้ทำประชามติ
จากนั้นนับไปอีก 90 วัน ซึ่งเป็นกระบวนการตาม พ.ร.บ.ประชามติ ฉบับ 2564 ที่ระบุว่า การทำประชามติต้องไม่เร็วกว่า 90 วัน และไม่ช้ากว่า 120 วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ซึ่งระยะเวลา 90 วัน ถือเป็นที่สามารถทำประชามติได้เร็วที่สุดลงล็อกในวันที่ 29 มีนาคม 2569 เป็นการทำประชามติพร้อมกับวันเลือกตั้ง
มีคำถามประชามติ 2 ข้อ หนึ่ง เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบให้ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สอง เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับรูปแบบขั้นตอนกระบวนการและหลักการพื้นฐานที่ปรากฏในร่างรัฐธรรมนูญที่ส่งมานี้
ยุบสภา = แก้ รธน.จบ
แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุยุบสภา “บวรศักดิ์” ระบุว่า ถือว่าจบ แต่รัฐบาลใหม่หลังจากการเลือกตั้งทั่วไป สามารถขอให้สภาหยิบขึ้นมาพิจารณาได้ภายใน 60 วัน เพียงแต่คำถามประชามติจะเหลือเพียงข้อเดียว คือ “เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบให้ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่”
MOA ขยับได้ตลอด
“บวรศักดิ์” ได้ชี้ว่า หากใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ 2564 การจัดทำประชามติ พร้อมกับวันเลือกตั้ง แม้กฎหมายไม่ได้เขียนไว้ แต่สามารถทำได้ ไม่ได้ห้าม
โดยในข้อกฎหมายระบุว่าให้คำนึงถึงงบประมาณที่นำมาใช้ด้วย รัฐบาลจึงต้องคำนึงถึงด้วย
ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามกรอบที่นายกฯระบุตั้งแต่เริ่มนับการทำงาน 1 ตุลาคม 2568 กำหนดยุบสภา 31 มกราคม 2569 และระยะเวลาจัดเลือกตั้งจะอยู่ภายในเวลา 60 วัน ที่จะไปตกวันที่ 29 มีนาคม 2569 หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“แต่ถ้า MOA เปลี่ยนก็สามารถขยับได้ โดยวันเลือกตั้ง ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณาด้วย รวมถึงต้องดูสถานการณ์การเมืองที่สามารถเปลี่ยนได้ตลอด”
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ใช้ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก มีข้อกังวลว่าอาจเปิดโอกาสให้แก้หมวด 1 และหมวด 2 “บวรศักดิ์” กล่าวว่า ต้องรอดูการพิจารณาในวาระ 3 เพราะยังต้องมีการแก้ไข ดังนั้นให้ดูฉบับสุดท้าย ที่สภาลงมติในวาระสาม จึงจะแน่นอนว่าจะใช้ร่างหลักของใคร                
                
Повторяем попытку...
Доступные форматы для скачивания:
Скачать видео
- 
                                
Информация по загрузке: