ปลัดขิก หลวงพ่ออี๋ สุดยอดเครื่องราง แห่งมหาเสน่ห์ เมตตา แคล้วคลาด ป้องกันภัย ขับไล่เสนียดจัญไร

Описание: พระครูวรเวทมุนี (หลวงพ่ออี๋ พุทฺธสโร)
สุดยอดเครื่องรางแห่งมหาเสน่ห์ เมตตา แคล้วคลาด ป้องกันภัย

พระครูวรเวทมุนี (หลวงพ่ออี๋ พุทฺธสโร) แห่งวัดสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็นพระเกจิผู้เปี่ยมด้วยญาณสมาธิและวิทยาคม ท่านเกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2408 และอุปสมบทเมื่ออายุ 25 ปี ณ วัดอ่างศิลา โดยมีพระอาจารย์จั่นเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่ออี๋ได้ธุดงค์ศึกษาอภิธรรมและวิปัสสนากรรมฐานกับครูบาอาจารย์หลายรูป ทั้งพระอาจารย์แตง วัดอ่างศิลา และหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จนแตกฉานในสมถะวิปัสสนา สามารถเข้าฌานออกฌานได้อย่างคล่องแคล่ว เป็นพระผู้มากด้วยอภิญญา

ท่านได้สร้างวัดสัตหีบขึ้นในปี พ.ศ. 2442 และเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ผลงานด้านเมตตาสงเคราะห์ชาวบ้านและการสร้างโรงเรียน รวมถึงวัตถุมงคลอันเลื่องชื่อ ทำให้ชื่อเสียงของท่านขจรไกล โดยเฉพาะ ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล คู่กับของหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก

ตำนานและความเชื่อ
ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ มีตำนานกล่าวว่า ท่านพบปลัดขิกโผล่ขึ้นมาจากบ่อน้ำขณะธุดงค์ แต่ช้อนไม่ติด จนมีโยมแนะนำให้ใช้หญิงพรหมจารีช้อนแทน จึงได้มาหนึ่งอัน จากนั้นท่านจึงจำลองต้นแบบเพื่อสร้างปลัดขิกของท่านเอง โดยต้องสร้างถึง 108 ตัว เพื่อหาตัว “หัวโจก” ที่เป็นจ่าฝูง และจึงใช้ต้นแบบนั้นในการสร้างต่อไป

วัสดุและลักษณะเฉพาะ
ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋สร้างจาก ไม้มงคล เช่น ไม้คูณ ไม้มะขาม ไม้ขนุน และ กัลปังหา ซึ่งเป็นวัตถุธาตุจากท้องทะเล มีทั้งสีดำ สีแดง สีขาว (โดยเฉพาะกัลปังหาขาวเป็นของหายากที่สุด) รูปทรงปลัดมีหลายแบบ เช่น หัวหมวกทหารเยอรมัน หัวปลาหลด หรือหัวธรรมดา ขนาดก็มีตั้งแต่เล็ก กลาง ใหญ่

สิ่งสำคัญที่สุดของปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ คือ เอกลักษณ์การลงอักขระขอม ได้แก่:

ตัว “มิ” อยู่ด้านซ้าย

ตัว “ปิ” อยู่ด้านขวา

ตัว “พินทุ” (วงกลมเล็ก) อยู่บนหัว เรียกว่า “ตาพระอินทร์”

ตัว “อุณาโลม” อยู่กลางหัวปลัดขิก

ด้านข้างลำตัวจาร “กันหะ เนหะ” ซึ่งเป็น “หัวใจโจร” อันมีอานุภาพทางคงกระพัน ป้องกันเสนียดจัญไร และมหาเมตตามหาเสน่ห์

คาถาอาคม และการปลุกเสก
หลวงพ่ออี๋ใช้คาถา “รุปิ รุปิ พุทธะจิตตัง…” ซึ่งเป็นคาถามหาเมตตาเสน่ห์ขั้นสูง ควบกับบทเสกที่กล่าวกันว่า “โอมน้ำสามจอก กูจะถอกขึ้นบนหลังคา...” ซึ่งแสดงถึงพลังจิตานุภาพอันแรงกล้า โดยท่านจะใส่ปลัดขิกทั้งหมดลงในบาตรแล้วปลุกเสกจนวิ่งเองออกมาจากบาตร หากไม่วิ่งก็ไม่แจกให้ลูกศิษย์ ถือเป็นสุดยอดการปลุกเสกที่น่าอัศจรรย์

คาถาบูชาปลัดขิกหลวงพ่ออี๋:

“รุปิ รุปิ พุทธะจิตตัง พุทธะเมตตานัง มหาสิเนหัง ลิติ ลิติ กรุณามหาจิตตัง เมตตาพุทโธ นะชาลิติ นะชาลิติ นะชาลิติ เอหิภันธัง มหาสิเนหัง โหนตุ”

พุทธคุณและประสบการณ์
ปลัดขิกของหลวงพ่ออี๋ขึ้นชื่อเรื่อง เมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาด คงกระพัน ป้องกันภูตผี และเสนียดจัญไร มีเรื่องเล่าว่าผู้ใช้สามารถรอดจากควายขวิด ถูกยิงไม่เข้า หรือว่ายน้ำหนีฉลามโดยมีปลัดคาดเอว จึงได้รับฉายา “ปลัดฉลามเมิน” อันแสดงถึงความขลังที่เหนือสามัญ

มรณภาพ
หลวงพ่ออี๋อาพาธด้วยโรคฝีที่คอในปี พ.ศ. 2489 แต่ไม่ยอมเข้ารักษา โดยกล่าวว่าเป็นกรรมเก่า ถึงวันมรณภาพคือ 20 กันยายน พ.ศ. 2489 (แรม 10 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ) ท่านนั่งสมาธิปล่อยวางร่างกายอย่างสงบ ขณะนั้นเกิดเหตุการณ์ประหลาด ทั้งกระจกแตก กระดานล้มคล้ายสัญญาณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระเถระผู้ยิ่งใหญ่ได้ละสังขารอย่างสงบ ณ เวลา 21.05 น. สิริรวมอายุได้ 82 ปี