บุกฝูงลิงยักษ์ ปะทะโขลงช้างป่าตะนาวศรี
Автор: คน คีรี เรื่องเล่าผจญไพร
Загружено: 2025-10-03
Просмотров: 15631
Описание:
#พรานป่า #คนคีรี #เรื่องเล่าป่า #ตะนาวศรี #ป่าอาถรรพ์ #ช้างป่า
บุกฝูงลิงยักษ์ ปะทะโขลงช้างป่าตะนาวศรี
ท่านผู้ฟังครับ หลังจากที่พวกเรากลับมาจากสุสานโบราณในป่าลึก และมาแวะพักอยู่ในหมู่บ้านห้วยน้ำซับ โดยได้แยกทางกับ อูเจีย ซาโพ และมะลิซอ ที่หมู่บ้านนี้ และทางผมได้ช่วยตาเสือและไอ้สิงห์ในล่าหมูโทน และจัดการไอ้เสืออาฆาต ได้สำเร็จ
รุ่งเช้าวันถัดมา ขณะพวกเรากำลังเก็บสัมภาระเพื่อกลับหมู่บ้านทุ่งจันท์
ชายร่างผอม ผิวเข้ม วิ่งโซซัดโซเซออกมาจากป่าชายหมู่บ้าน หม่องตูวิน เขาล้มลงแทบเท้าลุงจันท์ พูดหอบ ๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ช่วยด้วย… … พวกลิงยักษ์ กับโขลงช้างป่า… มันฆ่าหม่องพะอู กับซาโพตายแล้ว!”
พวกเราตกใจ รีบประคองเขาขึ้นมา หม่องตูวินเล่าตะกุกตะกัก “อูเจีย… มะลิซอ… ไม่รู้เป็นตายร้ายดี… พวกเราถูกฝูงมันเข้ามาโจมตีที่พักกลางป่าลึก… ข้าหนีมาทางนี้ได้เพียงคนเดียว…”
ทันทีที่เอ่ยชื่อ มะลิซอ หัวใจ ผมก็สั่นสะท้าน มะลิซอ จะเป็นอย่างไร
“เสืออาฆาต ตายไปแล้ว แต่ดูท่า ศึกต่อไปของพวกเราจะหนักหนากว่านี้หลายเท่า” ลุงจันท์กล่าวกับพวกเรา
ทุกคนสบตากัน การล่าครั้งใหม่กำลังรออยู่เบื้องหน้า ศึกใหญ่กว่าการปราบเสืออาฆาต กำลังเริ่มต้นอีกครั้ง
โดยที่ไม่ต้องลงมติใดๆ พวกเราก็พร้อมใจกัน ไปช่วย มะลิซอ และอูเจีย
เราไม่รู้หรอกครับว่า ทั้งสองคนจะอยู่แห่งหนใดในป่าลึก แต่หม่องตูวินจะเป็นคนนำทางเราไป และการไปครั้งนี้ นอกจากไปช่วยทั้งสองคนแล้ว พวกเรายังต้องเสี่ยงชีวิตลุยโขลงช้างป่า และฝูงลิงยักษ์ ซึ่งเราไม่รู้เลยว่ามันจะอันตรายแค่ไหน แต่เราก็ต้องไป เพื่อช่วยเหลือทั้งสองคน
เราออกเดินทางทันที ที่หม่องตูวิน เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ราวบ่ายแก่ๆ เราออกเดินทางตามหม่องตูวิน จนเกือบหลบค่ำ ก็หาที่ทำเพิงพัก ไอ้โหน่ง ไอ้สิงห์ที่ตามมาด้วย จัดการกางผ้าใบ ก่อกองไฟ กินอาหารเย็นที่เตรียมมา และจัดเวรยาม คืนนี้ไม่มีอะไรเข้ามารบกวนพวกเรา
เช้าวันต่อมา อากาศเย็นชื้นหลังฝนตกพรำๆ มาตลอดคืน หมอกลอยเหนือยอดไม้ เหมือนผ้าขาว เสียงนกเงือกส่งเสียงร้องก้องป่าตั้งแต่รุ่งสาง ราวกับเป็นสัญญาณเรียกขานวันใหม่ ทีมพรานของพวกเราเริ่มทยอยตื่นขึ้นจากเพิงพักที่ก่อไว้เมื่อคืน ขยับกายคลาย ความเมื่อยจากการนอนบนพื้นดินแข็ง ๆ
ผมเดินไปก่อไฟที่ยังหลงเหลือถ่านแดงจากเมื่อคืน เติมฟืนเข้าไปใหม่ให้เปลวไฟลุกสว่างขึ้นอีกครั้ง กลิ่นควันไฟคลุ้งไปทั่วเพิงพัก ลุงม่วงกับพี่เทพกำลังจัดของ หม่องตูวินนั่งลับมีดพร้าอยู่เงียบ ๆ ส่วนไอ้โหน่งก็กำลังตักน้ำจากลำห้วยมาต้มน้ำชงกาแฟ พวกเราเคยชินกับวิถีแบบนี้ ตื่นมาก็ต้องทำอาหาร ล้างหน้า ล้างตา กินกันอย่างเร่งรีบ ออกเดิน ก่อนที่แดดเช้าจะร้อนเกินไป
อาหารเช้าวันนั้นเป็นข้าวกับเนื้อหมูป่าที่เหลือติดมาจากหมู่บ้าน พรานวอนหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ผัดใส่เครื่องแกงง่าย ๆ ใส่เครื่องปรุง ในยามเดินป่าเช่นนี้มันอร่อยกว่าของกินใด ๆ
หลังจากเก็บสัมภาระเสร็จ พวกเราก็เริ่มออกเดินตามทางด่านสัตว์ที่ลอดเข้าไปในป่าดิบชื้น ใบไม้ชุ่มน้ำฝน รากไม้พันกันแน่นจนต้องคอยระวังเท้าไม่ให้สะดุด หม่องตูวินเดินนำ ใช้พร้าเฉือนเถาวัลย์ที่ขวางทาง เสียงนกนานาชนิดร้องไกล ๆ ดังคล้ายเสียงกลองป่าตีก้องอยู่ในหัวใจ ทำให้ทุกก้าวของการเดินเต็มไปด้วยความคาดหวังและหวาดหวั่นปนกัน
สายหน่อย เราพบเลือดสด ๆ หยดอยู่ตามทาง เป็นสัญญาณว่ามีสัตว์นักล่าเพิ่งผ่านไปไม่นาน ทำให้การเดินป่า นอกจากจะลำบากแล้ว ก็ยังต้องระมัดระวังสัตว์นักล่าอีกด้วย
เที่ยงวัน พวกเราหยุดพักที่ลำห้วยเล็ก ๆ น้ำใสไหลเย็มาก พี่เทพกับไอ้สิงห์ลงไปหาปลา ได้ปลาช่อนตัวพอเหมาะ สองสามตัวเอามาปิ้งไฟ กินกับผักหวานที่ลุงม่วงเก็บได้ระหว่างทาง กลิ่นปลาเผาโชยหอมไปทั้งแนวป่า มื้อเที่ยงแม้จะเรียบง่าย แต่เติมแรงให้เดินต่อได้อีกหลายชั่วโมง
บ่ายนั้น ป่าทึบลงเรื่อย ๆ แสงอาทิตย์ลอดผ่านช่องต้นไม้ได้น้อย ช่วงหนึ่ง ป่าดูเงียบผิดปกติ จนกระทั่งลุงม่วงหยุดกะทันหัน เขาชี้ไปยังโคนไม้ใหญ่ที่มีรอยเล็บข่วนเป็นทางยาว รอยสด ๆ นั้นเป็นของหมีควายแน่นอน ทุกคนหันมาสบตากันอย่างเข้าใจ ต้องเร่งฝีเท้าให้พ้นเขตนี้ก่อนเย็น ไม่งั้นอันตรายแน่ๆ เพราะหมีควายมันดุพอๆกับเสืออาฆาต และเราก็ไม่อยากต้องยิงสัตว์ใดๆ ในตอนนี้ เพราะจุดหมายเราคือ ไปช่วย มะลิซอ และอูเจีย
จนพระอาทิตย์คล้อยต่ำ พวกเราก็เลือกที่ราบเล็ก ๆ ริมห้วย ตั้งเพิงพักเรียงเป็นแนว ก่อกองไฟไว้ตรงกลาง ลุงม่วงจัดเวรยามแบ่งคนผลัดกันตลอดคืน ส่วนคนอื่นช่วยกันหุงข้าว ปิ้งปลาที่เหลือจากกลางวัน เติมเกลือเล็กน้อยก็หอมจนทุกคนกินกันเงียบ ๆ โดยมีน้ำพริกผักต้มง่ายๆ ที่หาได้จากตามชายน้ำ
ความเงียบแผ่ปกคลุมเหมือนม่านหนา เสียงจิ้งหรีดกับแมลงปีกแข็งดังระงมคลอไฟวูบวาบ แต่ในยามสองของคืนนั้น ขณะที่พี่เทพนั่งเวรอยู่กับผม เสียงหนึ่งก็แว่วมา…
เสียงร้องแหลมยาว ก้องไปทั่วแนวป่า คล้ายเสียงหญิงสาวคร่ำครวญ เสียงนั้นดังใกล้บ้าง ไกลบ้าง จนผิวกายขนลุกซู่ ไอ้โหน่งตื่นขึ้นมานั่งฟัง
“ผีป่ามันหลอกเราให้แล้ว” ไอ้โหน่งพูดกลางขยับมานั่งใกล้พี่เทพ
“ผีกองกอย ใช่ไหมว่ะ ” ไอ้สิงห์หันไปถามไอ้โหน่ง
“ข้าว่าใช่แน่ๆ” ไอ้โหน่งตอบ
ส่วนที่เทพนั้น ยังคงนั่งจ้องไปตามเสียงนั้นเรื่อยๆ พรานวอนที่นอนอยู่ใกล้ๆ แกสะกิดบอกผม
“เสียงบ่าง…อย่าไปกลัวเลย” มันร้องแบบนี้แหละ
ไอ้โหน่ง ไอ้สิงห์ พอได้ยินว่าเป็นเสียงบ่าง ก็ยิ้มเจื่อนๆ แล้วนอนข้างๆกองไฟต่อ
แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงบ่าง แต่เสียงนั้นกลับชวนให้หัวใจสั่น หม่องตูวินกุมมีดพร้าแน่น ดวงตาจับจ้องไปยังความมืดรอบเพิงพัก ทุกคนเงียบ ไม่มีใครเอ่ยคำใด รอจนเสียงนั้นค่อย ๆ เลือนหายไปกับความมืด
Повторяем попытку...
Доступные форматы для скачивания:
Скачать видео
-
Информация по загрузке: