สรุปคดีพระโกงเงินบริจาค สู่วิกฤติความศรัทธาของชาวพุทธเมื่อพระหากินกับผ้าเหลือง : เรื่องเล่าทอล์ค
Автор: เรื่องเล่ารอบโลก
Загружено: 2025-08-28
Просмотров: 51
Описание:
คดีที่เกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินบริจาคหรือทรัพย์สินของวัด ซึ่งสะเทือนวงการสงฆ์ไทย ดังนี้:
• คดี "พระอิสระมุนี": พระเกจิอาจารย์สายวิปัสสนาซึ่งเคยเป็นพระเลขาของหลวงปู่ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี ถูกกล่าวหาว่าโกงเงินของวัด จนถูกจับสึก. หลังจากนั้นท่านได้ไปตั้งสำนักสงฆ์ที่ป่าละอูและพัฒนาเป็น "วัดธรรมวิหารี" แต่ในปี พ.ศ. 2544 กลับตกเป็นข่าวว่ามีเพศสัมพันธ์กับสีกาคนสนิทและมีหลักฐานเป็นจดหมายกับเทปสนทนาทางโทรศัพท์ ก่อนจะลาสิกขาไป.
• คดี "หลวงปู่เณรคำ" (พระวิรพล ฉัตติโก): ในราวปี พ.ศ. 2556 มีคดีโด่งดังเกี่ยวกับการรับบริจาคเงินหรือทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อก่อสร้างพระแก้วมรกต (จำลอง) หรือสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลร้อยเอ็ด. เณรคำถูกตรวจพบว่านำเงินบริจาคเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว เช่น ซื้อที่ดิน รถยนต์ราคาแพง กระเป๋าแบรนด์เนม และเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว. เมื่อตกเป็นข่าวใหญ่ เณรคำได้หลบหนีออกนอกประเทศ และถูกดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงิน ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และพรากผู้เยาว์กระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี. ศาลได้พิพากษาจำคุกรวม 114 ปี แต่ให้รับโทษสูงสุด 20 ปี จึงรวมโทษจำคุก 2 คดีเป็น 36 ปี.
• คดี "พระธัมมชโย" (พระราชภาวนาวิสุทธิ์): อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถูกกล่าวหาว่าร่วมกับลูกศิษย์ยักยอกเงินวัดจำนวนมหาศาล. เรื่องนี้เริ่มต้นจากการร้องเรียนของสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตรวจสอบการทุจริตภายในสหกรณ์ โดยพบว่านายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตผู้บริหารสหกรณ์ฯ ได้ยักยอกทรัพย์และฉ้อโกงประชาชนมูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท. หลักฐานพบว่ามีการสั่งจ่ายเงินให้กับวัดพระธรรมกายและพระชั้นผู้ใหญ่หลายองค์รวมมูลค่ากว่าพันล้านบาท. พระธัมมชโยถูกออกหมายเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในคดีรับเช็คบริจาคจากนายศุภชัย รวมถึงความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร. นอกจากนี้ยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกป่าและการซื้อที่ดินและทรัพย์สินอื่น ๆ.
• คดี "นายเนย" (นายอภิรัตน์) ลูกศิษย์คนสนิทพระผู้ใหญ่: นายอภิรัตน์ หรือ เนย อดีตลูกศิษย์คนสนิทของสมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นไวยาวัจกร หรือผู้ดูแลทางการเงินของวัด. ในช่วงที่สมเด็จพระวันรัตอาพาธระหว่างปี พ.ศ. 2564-2565 นายเนยได้ปลอมแปลงเอกสารลายเซ็นและทำธุรกรรมโยกย้ายทรัพย์สินของวัดมาเป็นของตัวเองจำนวนมาก. กองบังคับการปราบปรามตรวจสอบพบว่ามีการยักยอกเงินของสมเด็จพระวันรัต และบัญชีของวัดและวัดสาขาเป็นเงินนับร้อยล้านบาท. ศาลมีคำพิพากษาว่ามีความผิดฐานฉ้อโกง ฐานปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม รวมโทษจำคุก 10 ปี และให้ชดใช้เงินกว่า 80 ล้านบาทคืนแก่วัด.
• คดี "เงินทอนวัด": คดีนี้สร้างความฮือฮาในแวดวงพุทธศาสนาไทย โดยพบว่ามีพระสงฆ์และเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันยักยอกเงินงบประมาณที่จัดสรรให้วัดไปใช้ในทางมิชอบ. เริ่มต้นจากการจับกุมอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ ประจำจังหวัดสงขลา ที่เรียกเงินทอนจากวัดใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ภายหลังขยายผลพบการทุจริตกระจายไปทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท. "นพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์" อดีต ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถูกตรวจพบว่ามีบัญชีทรัพย์สินมากกว่า 500 ล้านบาท.
• คดี "พระอาจารย์คม อภิวโร": พระสายวิปัสสนากรรมฐานชื่อดังแห่งเมืองโคราช (พระวชิรญาณโกศล) ถูกตรวจสอบและพบว่าทุจริตเงินวัดป่าธรรมคีรีไปกว่า 180 ล้านบาท และนำทองแท่งไปฝังดินไว้หลังวัด. พระอาจารย์คมยอมลาสิกขาและถูกดำเนินคดีพร้อมพวกอีก 9 คน ศาลพิพากษาจำคุกรวมทั้งสิ้น 468 ปี แต่โทษสูงสุดตามกฎหมายให้เหลือ 50 ปี และต้องชดใช้ความผิดที่ก่อขึ้นไป.
• คดี "เจ้าคุณแย้ม" (พระธรรมวชิรานุวัตร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง: ถูกดำเนินคดีฐานทุจริตยักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้านบาท เพื่อนำไปเล่นพนันออนไลน์. ตำรวจกองบังคับการปราบปรามได้รับเรื่องร้องเรียนและตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีการโอนเงินจากบัญชีธนาคารของวัดไปยังบัญชีส่วนตัวของพระธรรมวชิรานุวัตรหลายครั้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564. เจ้าคุณแย้มถูกให้ลาสิกขาในทันทีและสารภาพบางส่วน. พระราชธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ประณามการกระทำนี้ว่าเป็น "ภิกษุมหาโจร". การศึกษาจากทีดีอาร์ไอระบุว่าวัดมีความเสี่ยงถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงินจากรายได้จำนวนมากและปัญหาความโปร่งใสในการทำบัญชี.
การจัดการทรัพย์สินของวัดในประเทศไทยมีช่องโหว่หลายประการที่นำไปสู่การทุจริตและการยักยอกเงิน ซึ่งเป็นปัญหาที่สะเทือนวงการสงฆ์มาแล้วหลายครั้ง ช่องโหว่เหล่านี้สามารถสรุปได้ดังนี้:
• ขาดความโปร่งใสในการบริหารจัดการเงินบริจาคและรายรับของวัด:
◦ วัดมีรายรับจำนวนมากจากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเงินอุดหนุนจากภาครัฐที่เฉลี่ยมากกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี
◦ กฎกระทรวงการดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัด พ.ศ. 2564 ไม่ได้กำหนดให้วัดต้องเผยแพร่บัญชีรายรับรายจ่ายต่อสาธารณชนรับทราบ ทำให้ขาดการตรวจสอบจากภายนอก.
◦ การบริจาคเงินมักทำด้วยศรัทธาที่บางครั้งขาดวิจารณญาณ ไม่ได้ตรวจสอบ "ที่ไป" ของบุญว่าถูกนำไปใช้อย่างไร.
◦ ความคลุมเครือระหว่าง "เงินพระ" กับ "เงินวัด" โดยเฉพาะเมื่อผู้คนทำบุญหรือถวายปัจจัยให้กับพระภิกษุโดยตรง ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าถวายให้กับวัด. ในกรณีของหมอบี ทูตสื่อวิญญาณ ก็อ้างว่าเงินบริจาคผ่านบัญชี "ใจฟ้าอาทรประชานาถ โดย เสกสรรค์" เป็นการถวายหลวงพ่ออลงกตโดยตรง ไม่ได้ถวายวัด.
◦ เจ้าอาวาสหลายรูปขาดความรู้ความเข้าใจในการทำบัญชีที่ถูกต้องตามหลักการบัญชี จึงมักมอบอำนาจให้คณะกรรมการวัดหรือไวยาวัจกรเป็นผู้ทำบัญชีและเบิกจ่ายเงินของวัดแทน ซึ่งกลายเป็นช่องทางในการทำความผิด.
◦ จากการศึกษาพบว่าวัดส่วนใหญ่ไม่ได้จัดทำบัญชีที่ถูกต้องตามหลักการบัญชี และการตรวจสอบและการเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานของวัดต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียน้อยมาก.
Повторяем попытку...
Доступные форматы для скачивания:
Скачать видео
-
Информация по загрузке: