ประหยัด เหลือเก็บ ทุกเดือน

Описание: ประหยัด เหลือเก็บ ทุกเดือน (せつやくする)

“จงเรียนรู้ ที่จะประหยัด ในทุกเดือน
เงินค่อยเคลื่อน มากๆขึ้น อยู่เสมอ
เงินมีเก็บ และเหลือใช้ จงหารือ
เพิ่มๆคือ ความหมายของ ประหยัดเอย”

ทุกคนจะมีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ก็ย่อมอยู่กับการใช้เงินและการเก็บเงินในแต่ละเดือน จริงๆแล้ว เราขอชวนทุกคนให้ลด ละ เลิก นั้นก็คือ “ลดค่าใช้จ่าย” “ละทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็น” และ “เลิกเล่นหุ้น ทอง และสิ่งลงทุนที่มีความเสี่ยง” โดยให้ทุกคนกลับมาเล่นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแทนหุ้น ทอง และสิ่งลงทุนที่มีความเสี่ยง อย่างเช่น อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา บิสคอย และหวยค่ะ เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง เท่านี้ ทุกคนก็จะมีเงินเก็บในแต่ละเดือนอย่างมั่นคงและมั่งคั่ง

๑. แบ่งเงินเดือนออกเป็นสัดส่วน

“จงแบ่งเงินออกเป็น ๔ ส่วน”

นี่คือการแบ่งเงินของเราในแต่ละเดือนเป็นสัดส่วนตามนี้ค่ะ เงินใช้และเงินเก็บมีสัดส่วนร้อยละ 30% ของเงินเดือน ส่วนเงินให้พ่อแม่และเงินทำบุญมีสัดส่วน ร้อยละ 20% ของเงินเดือน อย่างเช่น เงินเดือน 20,000 บาท เงินใช้และเงินเก็บแต่ละเดือนก็จะเป็น อย่างละ 6,000 บาท/เดือน ส่วนเงินให้พ่อแม่และเงินทำบุญก็จะเป็นอย่างละ 4,000 บาท/เดือน เป็นต้น

๑.๑. เงินเก็บแบ่งออกเป็นสัดส่วน

เงินฝากก็จะต้องแบ่งเป็นสัดส่วนตามนี้ค่ะ นั้นก็คือ เงินออมและเงินฝากระยะสั้นอย่างละร้อยละ 20% และเงินฝากระยะยาว ร้อยละ 60% เพราะฉะนั้น ถ้าเงินเดือน 20,000 เงินเก็บอยู่ที่ 6,000 บาท ก็จะมีเงินออมและเงินฝากระยะสั้นอยู่ที่ 1,200 บาท/เดือน ส่วนเงินฝากระยะยาวก็จะอยู่ที่ 3,600 บาท/เดือน และเมื่อเก็บไปเรื่อยๆก็จะมีทั้งดอกเบี้ยและเงินเก็บเป็นสัดเป็นส่วน


๒. เงินใช้

“แบ่งเงินใช้ออกเป็น ๒ ส่วน”

เงินใช้ในแต่ละเดือน ถ้ามีเงินเดือน 20,000 บาท ก็จะคือ 6,000 บาท/เดือน เพราะฉะนั้น ทุกคนอย่าใช้จนหมดทั้ง 6,000 บาท แต่ทุกเดือนต้องมีเงินเก็บจากเงินใช้อย่างละ 10% ต่อเดือน นั้นก็คือ ทุกคนจะต้องเจียดเงิน 600 บาท/เดือนมาเป็นเงินเก็บในภาวะฉุกเฉิน ถ้าไม่มีภาวะฉุกเฉินก็อย่าใช้เงินก้อนนี้เด็ดขาด และทุกคนจะเหลือเงินใช้ 5,400 บาท/เดือน โดยเดือนหนึ่งทำงาน 20 วัน/เดือน ก็จะตกใช้วันละ 270 บาท ซึ่งถือว่า “ใช้ได้อย่างสบายในทุกวัน”

๓. ลดการใช้บัตรเครดิตและใช้เงินสดแทน

“แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน”

ทุกคนจะมีเงินใช้ 5,400 บาท/เดือน จากเงินเดือน 20,000 บาท และถ้าทุกคนหยุดสร้างหนี้ให้ตัวเองด้วยการลดใช้บัตรเครดิตจาก 1% จนค่อยๆลดเหลือ 0% ในที่สุด โดยใช้บัตรเครดิตเพียงแค่ 54 บาท/เดือน ส่วนเงินสดก็ใช้ 5,346 บาท/เดือน เท่านี้ หนี้สินก็จะค่อยหายไปจนกลายเป็นคนไม่มีหนี้สินในที่สุด

๔. มีวินัยในการใช้และเก็บเงิน

“ฝืนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า”

การเก็บเงินเป็นการกระทำที่กล้าหาญที่สุดที่ทุกคนจะทำได้ โดยอาจจะต้องฝืนใจทำในสิ่งที่ตนไม่ถนัดให้กลายเป็นนิสัยประจำตัว เรามั่นใจว่า “ทุกคนต้องมีฝืนกันบ้าง” แต่การฝืนก็จะให้เราได้ดี โดยเราขอเสนอวิธีง่ายๆแต่ทำค่อนข้างยาก ส่วนเรามั่นใจว่า “ทุกคนทำได้” นั้นก็คือ การฝึกวินัยในการเก็บเงินทุกเดือนค่ะ แค่นี้ ทุกคนก็มีทางรอดได้ทุกเดือนและยังมีเงินฉุกเฉินสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอนในชีวิตอีกด้วย

๕. ไตร่ตรองทุกครั้งก่อนใช้

“เวลาจะใช้อะไรต้องไตร่ตรองทุกครั้ง”

นี่คือวิธีสำคัญสำหรับทุกคน เวลาที่เราจะใช้อะไร เราต้องคิดก่อนใช้ว่า “ควรหรือไม่ควร” หรือ “ถ้าไม่ใช้เราจะตายหรือแย่ไหม” อย่างเช่น บางคนซื้อเสื้อผ้าทุกเดือน เราลองหันกลับมาคิดดูว่า “เสื้อผ้าเต็มตู้แล้ว ถ้าไม่ซื้อก็ไม่ถึงกับตาย” เพราะฉะนั้น เราลองไม่ซื้อสักเดือนดูก็ไม่เป็นไร และเมื่อเราลองค่อยๆคิด ค่อยๆลด จนเหลือแต่ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น แต่ละเดือนก็จะมีการใช้ค่าใช้จ่ายอย่างมีวินัยขึ้นมาเอง

“สักรวาอย่าสร้างหนี้ให้ชีวิต
เพราะสิ้นคิดเมื่อหนี้สินล้นพ้นตัว
ทุกๆวันต้องรู้สึกตื่นความกลัว
เพราะตัวหนี้ที่สร้างไว้มีมากมาย
จงหลีกหนีหนทางแห่งหนี้สิน
จงเลิกสิ้นเนื้อประดาตัวหมาย
จงมีแต่เงินเก็บและเหลือใช้
ชีวิตได้มีความสุขทุกวันเอย”

ถ้าทุกคนค่อยๆทำตามที่ให้คำแนะนำเบื้องต้นทั้งหมด ๕ ข้อ และรวมเรื่องลด ละ เลิก ก็จะยิ่งทำให้การเงินของเราค่อยๆดีขึ้น ถึงแม้เราไม่ได้รวยล้นฟ้า แต่เราก็เป็นคนมั่งมี ศรีสุข โดยไม่มีหนี้สินให้คอยพะว้าพะวง พ่อของเราเคยสอนอยู่อย่างหนึ่งว่า “อย่าสร้างหนี้” เราจดจำคำสอนนี้ของพ่อได้เสมอมา เราเลยไม่เคยสร้างหนี้สินให้กับตัวเอง โดยยึดหลัก “มีเท่าไรก็ใช่เท่านั้นและเหลือเก็บเท่าที่ตัวเองไหว โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น” และสิ่งเหล่านี้ก็ช่วยให้เรามีความสุขจากการใช้และการเก็บของเงิน ทุกคนลองทำตามกันดู เราว่า “อีกไม่นาน ทุกคนก็จะเป็นคนรวยสุขและปลดทุกข์หนี้จากชีวิตไปได้อย่างแน่นอนค่ะ”

LOOK A BREATHE