บทเรียนสุดสะเทือนใจ คนขับกระบะขวางรถพยาบาล จากพนักงานสู่คนตกงาน

Описание: เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศต้องหยุดคิด, กับเรื่องราวของรถกระบะคันหนึ่ง, ที่จอดขวางทางรถฉุกเฉินหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล, จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น, นี่คือบทเรียนราคาแพงที่สังคมกำลังเฝ้ามอง
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นที่โรงพยาบาลปลายพระยา จังหวัดกระบี่, เมื่อทีมแพทย์กำลังเร่งนำตัวผู้ป่วยวิกฤต, ที่มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน, และภาวะหายใจล้มเหลว, ขึ้นรถพยาบาลเพื่อส่งต่อไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลที่ใหญ่กว่า, ทุกวินาทีคือความหวัง, ทุกเสี้ยวนาทีคือการต่อสู้กับความตาย, แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องหยุดชะงักลง, เมื่อพบว่ารถกระบะคันหนึ่งจอดขวางทางด้านหลังของรถพยาบาลอย่างจัง
ทำไมรถพยาบาลถึงขยับไม่ได้?
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ, ทำไมรถพยาบาลถึงไม่ยอมขยับไปข้างหน้าแล้วให้รถกระบะอยู่ด้านหลัง, คำตอบจากทีมกู้ชีพและผู้เชี่ยวชาญระบุชัดเจนว่า, การจอดขวางในลักษณะดังกล่าว, ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดท้ายรถ, เพื่อเข็นเปลผู้ป่วย, หรือดำเนินการใดๆ ได้เลย, รถพยาบาลฉุกเฉินต้องใช้พื้นที่ด้านหลังในการขนย้าย, หากขยับรถไปข้างหน้า, มุมท้ายรถที่ล็อกกับรางเปลก็จะผิดเพี้ยน, ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤตได้อย่างปลอดภัย, ดังนั้น, การที่กระบะจอดขวางจึงหมายถึงการล็อกชีวิตผู้ป่วยไว้โดยสมบูรณ์
ลูกสาวร่ำไห้คุกเข่าขอทาง, แต่ไม่มีการตอบรับ
ภาพที่สะเทือนใจที่สุด, ถูกเปิดเผยโดยโรงพยาบาลและญาติของผู้ป่วย, คือภาพของลูกสาวผู้ป่วยวิกฤตที่ทรุดตัวลงคุกเข่า, ยกมือไหว้เจ้าของรถกระบะด้วยความอ้อนวอน, ขอร้องให้เลื่อนรถออกเพื่อเปิดทางให้พ่อของเธอได้ไปต่อชีวิต, แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการปฏิเสธและมีรายงานว่ามีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ด้วย, โดยให้เหตุผลว่าตนเองก็พาญาติมาห้องฉุกเฉินเหมือนกัน, ซึ่งในมุมของเจ้าของรถกระบะเองก็ออกมาชี้แจงภายหลังว่า, ตนขาดสติและมองไม่เห็นภาพรวมว่าสถานการณ์วิกฤตแค่ไหน, และไม่ทันได้คิดถึงผลกระทบที่จะตามมา
โศกนาฏกรรมที่ไม่คาดฝัน, ผู้ป่วยเสียชีวิต
ความล่าช้าเพียงไม่กี่นาที, ที่ถูกกั้นไว้ด้วยเหล็กและยางของรถกระบะคันเดียว, ได้กลายเป็นเส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย, สุดท้ายแล้ว, ผู้ป่วยวิกฤตรายนี้ก็เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา, ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัว, และความรู้สึกผิดหวังของสังคม, โรงพยาบาลได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง, พร้อมยืนยันว่าการกระทำของผู้ขับรถกระบะถือเป็นการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่, และจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
บทลงโทษทางสังคมและองค์กร, จากพนักงานสู่คนตกงาน
หลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง, แรงกดดันจากสังคมได้ถาโถมเข้าใส่เจ้าของรถกระบะอย่างหนัก, รวมถึงบริษัทเอกชนที่เขาทำงานอยู่, ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียง, โดยโซเชียลมีเดียได้เรียกร้องให้องค์กรแสดงความรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของพนักงาน, ล่าสุด, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ, โดยระบุว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่สอดคล้องกับค่านิยมและหลักการดำเนินงานขององค์กร, จึงมีมติให้ยุติการจ้างงานพนักงานรายดังกล่าวทันที
เจ้าของรถกระบะเองก็ได้ออกมาเปิดใจว่า, ตนยอมรับผิดและรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างมาก, ผลจากการกระทำที่ขาดสติทำให้ตนกลายเป็นคนตกงานไปแล้ว, พร้อมทั้งยืนยันว่าพร้อมจะรับผิดชอบและชดเชยความเสียหายในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สรุปและข้อคิด
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่เรื่องของกฎหมายจราจร, แต่เป็นเรื่องของสามัญสำนึกและความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์, รถพยาบาลฉุกเฉินไม่ใช่แค่รถเปล่าๆ, แต่คือพาหนะที่บรรทุกชีวิตและความหวัง, การให้ทางแก่รถฉุกเฉินจึงไม่ใช่แค่การทำตามกฎหมาย, แต่คือการมีส่วนร่วมในการต่อชีวิตคน, บทเรียนนี้เป็นเครื่องย้ำเตือนให้ทุกคนต้องมีสติ, และตระหนักว่าการตัดสินใจที่ผิดพลาดเพียงเสี้ยววินาที, อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ร้ายแรงและเปลี่ยนแปลงชีวิตของหลายคนไปตลอดกาล, สังคมได้ลงทัณฑ์อย่างรวดเร็วและเด็ดขาด, เพื่อเป็นบรรทัดฐานว่า, การขวางทางชีวิตคนอื่นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อย่างเด็ดขาด