กรอบคิดและทักษะการแก้ปัญหาในองค์กร
Автор: Business Leader - ผู้นำธุรกิจ
Загружено: 2025-07-01
Просмотров: 109
Описание:
ทักษะการแก้ปัญหา (Problem-solving skill) ทักษะนี้มีความสำคัญอย่างมากในชีวิตการทำงานและเป็นที่ต้องการขององค์กร เพราะหากบุคลากรสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพคือการเพิ่มศักยภาพในการทำงาน เพราะปัญหามักเกิดขึ้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเล็กหรือใหญ่ คนที่แก้ปัญหาเป็นแก้ปัญหาได้จะได้รับความน่าเชื่อถือ คนที่มีทักษะนี้จะได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนร่วมงานและหัวหน้า นอกจากนี้ยังส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เพราะการแก้ปัญหาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ต้องใช้ความคิดนอกกรอบ ทักษะการแก้ปัญหา (Problem-solving skill) คือ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ รับมือ และหาทางออกให้กับปัญหาหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้น รวมถึงการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ขั้นตอนและวิธีการในการแก้ปัญหา: DAE Model โดย ผู้นำธุรกิจ
ผู้นำธุรกิจขอนำเสนอโมเดลการแก้ปัญหาที่เรียกว่า DAE ซึ่งประกอบด้วย 1) นิยามปัญหาให้ชัดเจน (Define the Problem) 2) วิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา (Analyze the Cause) และ 3) ลงมือแก้ไขปัญหา (Execute the Solution) โดยแบ่งเป็นเพียง 3 ข้อหลักที่แตกต่างหรือเหมือนกับหลักการแก้ปัญหาแบบทั่วไปซึ่งอาจมีขั้นตอนถึง 6-7 ข้อ โมเดลนี้มีแนวคิดการแก้ปัญหาแบบเป็นธรรมชาติและไม่ซับซ้อนจนเกินไป แต่ก็สามารถนำไปใช้กับปัญหาที่มีความยากกว่าปัญหาทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. นิยามปัญหาให้ชัดเจน (Define the Problem)
การแก้ไขปัญหาจะประสบความสำเร็จได้ต้องเริ่มที่การนิยามปัญหาอย่างชัดเจนและเข้าใจง่ายเสียก่อน โดยการใช้คำพูดที่กระชับ ไม่คลุมเครือ เพื่อให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องตีความตรงกัน การกำหนดปัญหาที่ตรงจุดช่วยลดความสับสนและทำให้การวางแผนแก้ไขมีประสิทธิภาพมากขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องแยกแยะให้ชัดระหว่าง “อาการ” ที่เรามองเห็นกับ “สาเหตุ” ที่แท้จริงของปัญหา เช่น หากพบว่ายอดขายลดลง (อาการ) สาเหตุอาจมาจากการตลาดที่ล้าสมัย หรือคู่แข่งเพิ่มขึ้น การแก้ไขที่สาเหตุจึงเป็นหนทางที่ยั่งยืน นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาปัจจัยและข้อจำกัดที่เกี่ยวข้อง เช่น งบประมาณ เวลา หรือทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อกำหนดขอบเขตของปัญหาอย่างเหมาะสม
เมื่อเจอปัญหาที่ซับซ้อน ควรแบ่งปัญหาออกเป็นส่วนย่อย ๆ เพื่อให้เข้าใจและจัดการได้ง่ายขึ้น จากนั้นจึงเรียงลำดับความสำคัญของปัญหาแต่ละส่วน โดยพิจารณาจากผลกระทบหรือความเร่งด่วน เพื่อจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ การลดความซับซ้อนของปัญหาและย่อยปัญหาให้เล็กลงยังช่วยให้มองเห็นทางออกที่ชัดเจนและง่ายต่อการแก้ไข
2. วิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา (Analyze the cause)
การวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาเป็นจะช่วยให้เราเข้าใจต้นตอที่แท้จริงของปัญหาที่เกิดขึ้น และนำไปสู่การแก้ไขอย่างตรงจุดและยั่งยืน โดยกระบวนการนี้ต้องอาศัยการคิดอย่างเป็นระบบและรอบด้าน การค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา
เริ่มต้นจากการไม่หยุดอยู่แค่การแก้ไขที่ “อาการ” ของปัญหา แต่ต้องค้นหาว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร เช่น การใช้เทคนิค “5 Whys” ที่จะถามคำถาม “ทำไม” ซ้ำ ๆ จนกว่าจะเจอต้นเหตุหลัก ซึ่งช่วยลดความผิดพลาดจากการสรุปผลเร็วเกินไปและเปิดโอกาสให้เห็นปัญหาในมุมลึกมากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจใช้เครื่องมืออื่น ๆ เช่น แผนผังก้างปลา (Fishbone Diagram) เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
3. ลงมือแก้ไขปัญหา (Execute the solution)
การลงมือแก้ไขปัญหา (Execute the Solution) เป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้แนวทางที่วางไว้เกิดผลจริง โดยเริ่มจากการวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของแต่ละทางเลือก เพื่อให้เห็นจุดเด่น จุดด้อย และความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ต่อด้วยการพิจารณาความเป็นไปได้และทรัพยากรที่ต้องใช้ ทั้งเวลา งบประมาณ และบุคลากร เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถปฏิบัติได้จริง จากนั้นจึงตัดสินใจเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดตามข้อมูลและเกณฑ์ที่กำหนด เช่น ความคุ้มค่า ประสิทธิภาพ หรือความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้แนวทางที่ดีที่สุดและตรงกับเป้าหมายมากที่สุด
หลังลงมือแก้ไขปัญหาแล้ว ต้องมีการติดตามผลระยะยาวอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินว่าวิธีที่ใช้ได้ผลจริงหรือไม่ มีปัญหาอื่นตามมาหรือไม่ และสามารถปรับปรุงแนวทางได้หากจำเป็น การติดตามผลระยะยาวช่วยให้เห็นประสิทธิภาพของวิธีแก้ไขและเป็นข้อมูลสำคัญในการพัฒนาระบบในอนาคต
อ่านรายละเอียดที่ https://businessleader.asia/article/K...
#ทักษะผู้นำ #ทักษะการแก้ปัญหา #BusinessLeaderTH #ผู้นำธุรกิจ #ความรู้ #ความคิดสร้างสรรค์ #การทำงานเป็นทีม #ทักษะพื้นฐาน #การศึกษา #การพัฒนาตนเอง #การแก้ปัญหา #ที่ทำงาน #tdri #สมัครงาน #ทักษะชีวิต
Повторяем попытку...
Доступные форматы для скачивания:
Скачать видео
-
Информация по загрузке: