💫
Автор: จิตพระผู้สร้าง
Загружено: 2025-10-19
Просмотров: 444
Описание:
🌿💚 #Ep520_รักตัวเองกับทำตามอารมณ์ใจตัวเอง_สู่จิตตื่นรู้ศิลปกตินิพพาน_ณ_จิตปัจจุบัน
🩶 ไร้เดียงสาแบบดิบ คือ ใช้อัตตาตัวปลอมลากนำพาตัวจริงจิตพระเจ้าให้ไปเรียนรู้มายาของปลอมเพื่อให้เข้าใจของจริงจิตวิญญาณ
รู้ทุกข์จึงแจ้งสุข
รู้โขกสับรันทดจึงรู้รักอภัยได้อย่างแท้จริง
การใช้จิตไร้เดียงสาแบบดิบๆไปเล่น คือ การดำเนินชีวิตด้วย อารมณ์ที่ขาดสติเป็นผู้นำพา คือ #ทำตามใจฉันตามอารมณ์ตนเองแบบไร้สติแล้วเผลอไปเบียดเบียนผู้อื่นทั้งทางตรงหรือทางอ้อน ทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว จึงก่อเกิดเป็นกรรมใหม่บทละครใหม่วนเล่นข้ามภพชาติกันไปแบบไม่รู้จบ
🩷 รัก บริสุทธิ์ไร้เดียวสาแบบนิพพานสุก ที่ไม่ยึดไม่ติดอิสระแบบไม่ต้องไปตามหานิพพานการบรรลุไหนๆให้เหนื่อยคือ ตื่นรู้ให้ได้ว่าตนเองนี่ละคือ พระพุทธะ เป็น พระเจ้า เป็นจิต รักไร้เดียงสาอยู่แล้ว
...รู้กาลเวลาของฟ้าแล้วว่าถึงเวลากลับบ้านกันเสียที การกลับบ้านคือ
#ใช้สติตัวจริงแห่งจิตพระเจ้า พระพุทธะภายในนำพา "กลับบ้าน" คือใช้ "สติ" เข้าไปร่วมกับทุกอารมณ์ความรู้สึกตัวในชีวิตประจำวัน จนเข้าถึงคำว่า "ศิลปกติ" คือ ทำจนชินและปล่อยวางในทุกศิล
.... เมื่อมีสติกับทุกขณะจิต สติรู้ว่าตนกำลังหงุดหงิด ก็อนุญาติให้ตนหงุดหงิดได้ เพียงดูไม่ไปปรุงต่อ
#ให้รู้ตามความเป็นจริง หงุดหงิดก็ดูหงุดหงิดไป
...เพียง ดูซิว่าเราหงุดหงิดแบบไหนมันเสียดแทงใจดำอย่างไร ไม่ต้องไปเหยียบจิตอย่างหงุดหงิดนะ อย่ามีอารมณ์ขุ่นนะ ซุกมันไว้ใต้พรหม หินทับหญ้า จนอกแตกตาย ฝึกอดทนมากความบ้าก็จะมาเยือนจริงบ่
เมื่อเรามีสติในทุกอารมณ์สุขและทุกข์ทั้ง โลภ โกรธ หลงที่เผลอไปเบียดเบียนทำร้ายคนอื่น สตินั้นจะไปสลายกรรมก่าไม่ให้ไปเป็นเชื้อไฟก่อเกิดเป็นกรรมใหม่บทละครใหม่อีก จึงจบภพ จบชาติ ณ จิต สติปัจจุบัน ..ไปเลย
#ศิลปกติ ภาษาชาวบ้านคือ มีดีแต่ไม่ติดดี ไม่ยึดบุญ นั้นล่ะ .. ไม่ใช่ไม่เคยมีดีมีศิลอะไรเลยแล้วบอกว่า ตนไม่ยึดเป็นคนปล่อยวาง มีอะไรเขัามาก็หนีปัญหาหนีข้อสอบ ตีลงความว่างแบบ บังคับปรุงให้มันว่างแบบไร้ใจ
#ปล่อยวาง คือ ต้องรู้ก่อน มีก่อน เข้าใจก่อน ทำจนเป็นศิลปกติทำจนชินสบายๆไร้การพยายามที่จะเป็นคนดีให้ได้ก่อน แล้วปล่อยวางคลายยึดดีนั้นลง จึงจะเรียกว่า ปล่อยวางได้อย่างแท้จริง ดั่งพรหมวิหาร 4
#เมตตา = เปร่งเวทนาสงสารหมาข้างถนน
แล้วเคลื่อนสู่การกระทำ
#กรุณา = เอาข้าวให้หมากิน จิตอาสาช่วยผู้อื่น
#มุทิตา = อนุโมทนา ยินดีในความดีของผู้อื่น เมื่อทำได้จริงครบแล้วจึง
#อุเบกขา = ปล่อยว่าง วางลงไม่ยึดดี ติดบุญที่ทำ
เป็นคนดีโดยปกติอยู่แล้วจึงไม่ยึดดีติดดี
ไม่ฆ่าสัตว์ลักทรัพย์ไม่เบียดเบียนผู้อื่นอยู่แล้ว
....ใน..มิติ 4 แห่งฤาษี เทพ พรหม รวมถึงจิตต่างดาวที่ยังไม่บรรลุ มักจะเอาตบะที่เข้มข้นข่ม ผี คน ที่ตบะน้อยกว่าให้กลัวเกรงบังคับสังการได้
.... คนมีบุญ บารมี มียศฐา ก็เอาความรวยนี้ไปข่มคนจนกว่า
.. มิติ 5 คือ มีบุญบารมีมียศฐามีเงินมีทุกสิ่ง แต่ไม่เอาสิ่งนั้นไปข่มใคร .. และเราที่เห็นผู้ปฏิบัติที่ไม่ถือตัวก็อย่าเผลอไปปรามาสกรรมก็จะยิ่งตีกลับได้แรงเป็นทวีคูณเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อเรามีสติ เป็นศิลปกติได้เมื่อไหร่จึงเหนือโลกมายา
...สติง่ายๆ นี้จะไปล้างกรรมเก่าไม่ให้สืบกรรมต่อภพชาติใหม่ จึงจบกิจ ณ จิตสุขเบิกบานใน จิตปัจจุบัน คือการเข้าถึง
การบรรลุในแบบฉบับของแต่ละคน
นิพพานอยู่แล้ว บรรลุอยู่แล้ว
เป็นพุทธะ ณ จิตปัจจุบันอยู่แล้วจึงไม่ต้องทะยานเหนื่อยยากต้องไปตามหาดินแดนนิพพานในอนาคตไหนๆ อีกเลย
* * เมื่อมีอยู่แล้วนั่นเรียกว่าการ "เป็น" ที่ "เต็ม'
* รักตนและผู้อื่นได้จริงคือ การพัฒนาการของ
สมองซีกซ้าย : เหตุผลตรรกะสู่
สมองซีกขวา : จิตนาการดนตรีศิลป์
สมองด้านหน้า และสู่สมองส่วนกลาง ต่อมไพรเนียลจุดญาณทวารตาที่ 3 คือ
#ความเห็นอกเห็นใจ รู้ซึ้ง #ถึงใจเขาใจเรา ใจคน ใจสัตว์ ใจในทุกสรรพสิ่งคือ จิต 1 มิติ 5 ทุกสิ่งคือ ฉันเอง i am
... ฉันจึงไม่อาจเบียดเบียนกินหรือทำร้ายในทุกสรรพสิ่ง ได้เลย
... จึงเข้าถึงความเป็นพุทธะ ผู้ รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
...สุขเบิกบานอิสระในทุกสิ่งที่ไม่เบียดเบียนใคร จึงกลับสู่จิตเด็กโพธิสัตว์รักไร้เดียงสา ได้ครบเต็มองค์เช่นนี้แล..., สาธุ
( นพ อัศว 15/10/2025)
Повторяем попытку...
Доступные форматы для скачивания:
Скачать видео
-
Информация по загрузке: